ทรัมป์เปิดฉากเก็บภาษีนำเข้า หนุนการย้ายฐานผลิต หุ้นไหนเด็ด เช็ก!

หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) ประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025 และจากจีนในอัตรา 10% ขณะเดียวกัน จีนประกาศจะขึ้นภาษีตอบโต้ในอัตรา 10% และเตรียมฟ้องร้องต่อองค์การการค้าระหว่างประเทศ (WTO) ทันที ส่วนแคนาดาและเม็กซิโกก็ประกาศที่จะตอบโต้โดยการเก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯในอัตราเดียวกันทันที

สำหรับยอดการค้าระหว่างประเทศในปัจจุบัน สรุปได้ดังนี้ แคนาดา เม็กซิโก และจีน ส่งออกไปสหรัฐฯ ประมาณ 75%, 80%, และ 15% ของยอดส่งออกรวมตามลำดับสินค้าหลักที่แคนาดาส่งออกไปสหรัฐฯ ได้แก่ สินค้าพลังงาน, ยานยนต์, และเครื่องจักร

สินค้าหลักที่เม็กซิโกส่งออกไปสหรัฐฯ ได้แก่ ยานยนต์, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, และเครื่องจักร นอกจากนี้ แคนาดาและเม็กซิโกส่งออก PET ราว 220,000 ตันต่อปี (ประมาณ 4-5% ของการบริโภคในสหรัฐฯ)ส่วนสินค้าหลักที่จีนส่งออกไปสหรัฐฯ ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, ของเล่น, เสื้อผ้า, และเฟอร์นิเจอร์
สหรัฐฯ ส่งออกไปแคนาดา เม็กซิโก และจีน ราว 18%, 16%, และ 8% ของยอดส่งออกรวมตามลำดับ สินค้าหลักที่สหรัฐฯ ส่งออกไปแคนาดา ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน, เครื่องจักร, และพลังงาน สินค้าหลักที่ส่งออกไปเม็กซิโก ได้แก่ เครื่องจักร, ยานยนต์และชิ้นส่วน, และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

สินค้าหลักที่ส่งออกไปจีน ได้แก่ สินค้าเกษตร (เช่น ถั่วเหลืองและเนื้อสัตว์), เครื่องจักร และอุปกรณ์อุตสาหกรรมสำหรับไทย การส่งออกไปแคนาดาและเม็กซิโกอยู่ที่ประมาณ 2% ของยอดส่งออก ขณะที่ส่งออกไปจีน 14% และสหรัฐฯ 12% การกลับมาของสงครามการค้าครั้งนี้อาจสร้างความวิตกกังวลในตลาด เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงเงินเฟ้อจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น และกระทบเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ตาม การใช้มาตรการค่อยเป็นค่อยไปของทรัมป์ แม้จะอาจสร้างแรงกดดันให้ Bond Yield ปรับตัวขึ้นบ้าง แต่ไม่น่าจะสูงเกินกว่า 4.8-4.9% ซึ่งเป็นระดับที่ตลาดกังวล

คาดว่าทรัมป์จะใช้นโยบายที่เน้นการเลือกเป้าหมายประเทศที่มีดุลการค้าสูงจากสหรัฐฯ เช่น ยุโรปและเวียดนาม รวมทั้งกลุ่มสินค้าหลักที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการกีดกันในระลอกแรก อาจเน้นที่สินค้าภาคผลิต เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์

ทั้งนี้ ในส่วนของผลกระทบทางเศรษฐกิจ Krungsri Research ประเมินว่า ในกรณีที่สหรัฐฯ ปรับเพิ่มภาษีทางฝั่งเดียว คาดว่าจะกระทบ GDP ของสหรัฐฯ และจีน ลดลง -0.34% และ -0.08% ตามลำดับ ซึ่งหากมีการตอบโต้ จะเสี่ยงต่อการกระทบเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าจะมีผลบวกต่อ GDP ไทยเพิ่มขึ้น +0.05% (หากไทยไม่ปรับเพิ่มภาษี) โดยเราประเมินว่าไทยมีโอกาสได้รับยอดส่งออกทดแทนจากการทำสงครามการค้าในกลุ่มประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น เม็กซิโก และสหรัฐฯ เช่น ยานยนต์ เคมีภัณฑ์ และปิโตรเคมี ยกเว้นชิ้นส่วนที่อาจได้รับผลกระทบจากการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตระหว่างประเทศหลักๆ ที่มีความสัมพันธ์สูงกับจีนและสหรัฐฯ
เราประเมินว่าความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ มีโอกาสจะทำให้เกิดความกังวลเช่นเดียวกับรอบ Trump 1.0 โดยประเทศที่มีความเสี่ยงสูงจะอยู่ในฝั่งเอเชียเหนือ เช่น ไต้หวัน ฮ่องกง และเกาหลีใต้ ที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดมีรายได้เชื่อมโยงกับสหรัฐฯ และจีนสูง ขณะที่ไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบจำกัด เช่นเดียวกับหลายประเทศในอาเซียน เนื่องจากยอดรายได้ของบริษัทในดัชนี MSCI จากสหรัฐฯ และจีนต่ำกว่า 5%

สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม คาดว่าจะเกิดจากการลดลงของปริมาณการค้าโลก แต่จะได้รับการชดเชยจากยอดการลงทุนทางตรงที่เพิ่มขึ้นจากการย้ายฐานการผลิตมาสู่ไทย เนื่องจากไทยมีความเป็นกลางโดยรวม เราประเมินว่าในระลอกแรกของสงครามการค้า Trump 2.0 จะทำให้ SET ผันผวนในระยะสั้นจากการที่ Bond Yield แกว่งขึ้น ก่อนที่จะฟื้นตัวจากผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่เป็นกลางหรือบวกเล็กน้อยต่อไทย
ในส่วนของสินค้าที่น่าจะได้รับผลบวก คาดว่าจะเห็นจิตวิทยาบวกในกลุ่มยานยนต์ ส่วนเคมีภัณฑ์และปิโตรเคมีจะเป็นบวกต่อ IVL ขณะที่การย้ายฐานการผลิตที่อาจเกิดขึ้นจะหนุนหุ้นนิคมอุตสาหกรรม เช่น WHA และ AMATA

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พีระพันธุ์ ดันค่าไฟต่ำ 4 บาท – โซลาร์ถูก 10,000 เครื่อง วางขายปีนี้!

พีระพันธุ์ ดันค่าไฟต่ำ 4 บาท – โซลาร์ถูก 10,000 เครื่อง วางขายปีนี้!

ททท. ชูวิวาห์ใต้สมุทร   กระตุ้นท่องเที่ยว จ.ตรัง 

ททท. ชูวิวาห์ใต้สมุทร  กระตุ้นท่องเที่ยว จ.ตรัง 

The 1 Insight เผยเทรนด์วาเลนไทน์ 2025 ชี้ ‘Healthy Gifting’ มาแรง!

The 1 Insight เผยเทรนด์วาเลนไทน์ 2025 ชี้ ‘Healthy Gifting’ มาแรง!

รมว. คลัง ตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับตลาดทุน

รมว. คลัง ตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับตลาดทุน

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด