หุ้นวิชั่น – IND ตุน Backlog แน่น 3 พันล้าน หนุนการเติบโตยาว 3 ปี เล็งสอยงานใหม่เข้าพอร์ต เกาะติดบิ๊กโปรเจ็กต์รถไฟรางคู่ 6 สายหลัก ดีดลูกคิดงานประมูลใหม่ปี 68 รวมพันล้านบาท คาดคว้างานได้สูง 60% ด้านแม่ทัพใหญ่ “พรลภัส ณ ลำพูน” ส่องรายได้ปี 68 โตที่ระดับ 15% หลังกลับสู่ภาวะปกติ จับตาผลงานเข้าสู่ช่วงไฮไลท์
ดร.พรลภัส ณ ลำพูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่นว่า แนวโน้มธุรกิจในปี 2568 จะเป็นไปในทิศทางที่ดี และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะ 3 ปีข้างหน้า โดยบริษัทได้รับงานใหม่สำคัญหลายโครงการ ล่าสุดในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา บริษัทได้ลงนามสัญญากับการรถไฟฟ้าขนส่งแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในการเป็นที่ปรึกษาบริหารโครงการและควบคุมงานในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มูลค่า 1,413,726,200 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 70 เดือน
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับโครงการออกแบบและก่อสร้างสถานีสูบถ่ายและเพิ่มแรงดันสระบุรี สำหรับโครงการส่วนต่อขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 สระบุรี-อ่างทอง จากบริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป
Backlog ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3 พันล้านบาท และคาดว่าในปี 2568 ยอด Backlog จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากการรับงานโครงการใหม่ โดยบริษัทตั้งเป้าเข้าประมูลงานใหม่รวมมูลค่าหลักพันล้านบาทในปี 2568 โดยโครงการที่บริษัทอยู่ระหว่างติดตามและคาดว่าจะเข้าประมูล ได้แก่ โครงการการรถไฟแห่งประเทศไทย รางคู่ 6 สายหลัก ซึ่ง IND คาดว่าจะได้รับงาน 2 สายหลักจากโครงการดังกล่าว ซึ่งจะช่วยเติมเต็ม Backlog ให้กับบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ
IND เชื่อว่า งานภาครัฐจะทยอยออกมาตามการเบิกจ่ายและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะงานโครงการรถไฟรางคู่ที่คาดว่าจะทยอยเปิดประมูล ซึ่งบริษัทคาดว่า งานสนามบินจะทยอยออกมาต่อเนื่องหลังจากนั้น ทั้งนี้ จากโครงการต่าง ๆ ที่มีมูลค่าประมาณพันกว่าล้านบาทที่จะทยอยเปิดประมูลในปี 2568 IND คาดว่าจะสามารถคว้างานได้ราว 60% ของมูลค่าทั้งหมดในการประมูลดังกล่าว
“งานที่มีอยู่ในมือจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทในระยะ 1-3 ปีข้างหน้า พร้อมมั่นใจว่า หากสามารถคว้างานใหม่เพิ่มได้ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาว ช่วยสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินงาน”ดร.พรลภัส กล่าว
ล่าสุด คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติโครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 2 เส้นทางนครราชสีมา-หนองคาย มูลค่า 3.4 แสนล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 8 ปี (2025-2032) ซึ่งหากโครงการเดินหน้าตามแผน IND คาดว่าจะมีส่วนร่วมในงานดังกล่าว โดย IND ยังคงมุ่งหางานใหม่เพิ่มเติมที่บริษัทถนัดและเชี่ยวชาญ พร้อมตั้งเป้าหมายให้เป็นงานที่มีอัตรากำไรสูงและส่งผลดีต่อผลประกอบการในอนาคต
ดร.พรลภัส กล่าวต่อว่า คาดการณ์การเติบโตของบริษัทในปี 2568 จะอยู่ที่ประมาณ 15% เนื่องจากการมี Backlog จากงานคุมงานก่อสร้างที่ทยอยเข้ามาเติมทุกเดือน หลังจากที่ธุรกิจของ IND ต้องเผชิญกับความท้าทายจากการรับรู้รายได้ที่ช้ากว่ากำหนดในช่วงโควิด-19 แต่ปัจจุบันบริษัทกลับเข้าสู่ภาวะปกติและคาดว่า ปี 2568 จะเป็นปีที่มีการเติบโตโดดเด่นอีกครั้ง
รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision