หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง KJL ว่า มีลุ้นกลับมา New High ใน 2Q25 … 1Q25 พักก่อน
- คาดกำไร 1Q25 ชะลอทั้ง QoQ และ YoY
คาดกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 30 ลบ. (-43.3% QoQ, -12.8% YoY) โดยรายได้คาดที่ 256 ลบ. (-22.3% QoQ, -10.0% YoY) จากปัจจัยฤดูกาลทำให้รายได้ลดลง QoQ ส่วน YoY ในปีนี้ไม่มีการจัดโปรโมชั่น และใน 1Q24 ได้ประโยชน์จาก Backlog จากการจัดงานรวมพลคนไฟฟ้าครั้งใหญ่ในช่วง 4Q23 แต่ปี 2024–2025 เป็นการทยอยจัดรายเดือน นอกจากนี้ราคาต้นทุนที่ลดลงตามราคาเหล็กและพลาสติก และภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างซบเซาทำให้ต้องออกสินค้าราคาประหยัดมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า แต่ GPM คาดยังรักษาระดับ 30.0% ขึ้นไปได้ คาดที่ 30.5% ได้แม้ว่ารายได้จะลดลงมากก็ตาม โดยเพิ่มขึ้นจาก 28.8% ใน 1Q24 เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบลดลง แต่ลดลงจาก 31.7% ใน 4Q24 ตามการใช้กำลังการผลิตที่ลดลง QoQ ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ อยู่ในระดับปกติ
- 2Q – 4Q25 มีโอกาสทำกำไร New High ได้ต่อเนื่อง
เราคาดกำไรสุทธิใน 2Q25 เบื้องต้นที่ 50–55 ลบ. โดยระดับสูงสุดเดิมอยู่ที่ 53 ลบ. ได้แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลที่ดีขึ้นรายไตรมาส การออกสินค้าใหม่มากขึ้นโดยเน้นสินค้าที่คุณภาพคุ้มราคามากขึ้น ตลาด Solar Roof มีการเติบโตต่อเนื่องทั้ง Walkway และรางเดินสายไฟที่มีการออกสินค้าที่มีราคาเบาลง แม้ว่ารายได้เฉลี่ยต่อชิ้นอาจลดลง แต่จำนวนชิ้นมากขึ้น ขณะที่ต้นทุนที่ลดลงทำให้ยังรักษาระดับ GPM ที่สูงกว่า 30% ได้ ส่วนใน 4Q25 จะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นอีก 10 ล้านชิ้นเป็น 40 ล้านชิ้น ช่วยหนุนกำไรใน 4Q25 ขณะที่ในช่วง 2H25–2026 ตลาดตู้ไฟ รางเดินสายฟ้าคาดว่าจะคึกคักมากขึ้นหลัง กกพ.ทยอยลงนามใน PPA ของโรงไฟฟ้า Solar เสร็จสิ้นแล้ว ทำให้การแข่งขันในตลาดตู้ไฟลดลงจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น
- ปรับประมาณการเล็กน้อย … คงคำแนะนำ “ซื้อ”
เนื่องจากในปี 2025 บริษัทเน้นจำหน่ายสินค้าในราคาประหยัดมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ และราคา ต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ทำให้ราคาขายเฉลี่ยต่อชิ้นลดลง เราจึงปรับรายได้ปี 2025 ลง 4.8% เป็น 1,353 ลบ. (+12.4% YoY) แต่ปรับ GPM เพิ่มขึ้นจาก 28.4% เป็น 30.5% (คาดว่ามีโอกาสทำได้ดีกว่านี้) ส่งผลให้กำไรสุทธิยังคงใกล้เคียงเดิมที่ 190 ลบ. (เดิม 191 ลบ.) เติบโต 5% YoY ขณะที่คาดจะกลับมาเติบโตสูงอีกครั้งในปี 2026 ที่ 22.0% YoY เป็น 232 ลบ. จากการขยายกำลังการผลิตที่แล้วเสร็จใน 4Q25 สร้างรายได้เต็มที่ในปี 2026 และการเพิ่มขึ้นของ GPM ตามอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทยังไม่มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มเติม แต่คาดว่าหากการใช้กำลังการผลิตขึ้นไปสูงกว่า 80% อาจพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตอีกครั้ง เราคาดว่าเป็นภายในปี 2027 ปัจจุบันซื้อขายที่ PER2025 ต่ำเพียง 8.2 เท่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9.90 บาท เชิงกลยุทธ์ลงทุนหลังรายงานงบ 1Q25 ไปแล้ว (9 พ.ค.)