หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง LTS ว่า ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงคาดกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 24 ล้านบาท (+14.0% QoQ, +265.5% YoY) ทำระดับสูงสุดใหม่เช่นเดียวกับที่นำเสนอไปในบทวิเคราะห์วันที่ 2 ม.ค. แต่มีการปรับคาดการณ์รายได้ลงเป็น 121 ล้านบาท (-25.0% QoQ, +86.8% YoY) เนื่องจากใน 3Q24 มีฐานรายได้สูงจากงาน Commissioning ของ OBON ที่รับรู้เต็มไตรมาส ขณะที่ใน 4Q24 ไม่มีรายได้จากส่วนนี้เลย แต่ได้รายได้จากงานโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งมี GPM สูงกว่ามากเพิ่มขึ้นแทน
ฝ่ายวิเคราะห์จึงปรับคาดการณ์ GPM ขึ้นจากต่ำกว่า 30% เป็น 45% เพราะไม่มีงาน Commissioning ซึ่งมี GPM ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และงานโครงการขนาดใหญ่ซึ่งมี GPM สูงมีสัดส่วนมากขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิยังคงเท่ากับที่คาดการณ์เดิม
งานใหม่เร็ว ๆ นี้…ศึกษา M&A เร่งกำไร
Siam AI มีแผนใช้เงินลงทุนในธุรกิจ GPU Server เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ต้องการตั้ง Server ในไทยในช่วง 3 ปีข้างหน้าราว 1.0 แสนล้านบาท โดยงานในมือที่เห็นความต้องการ ณ ขณะนี้ มีความต้องการใช้งาน Commissioning ในปี 2025 ไม่น้อยกว่า 5.0 พันล้านบาท
คาดว่างานทั้งหมดจะเป็นโอกาสของ LTS แต่เพื่อความระมัดระวังจึงรวมไว้เพียง 15% ของมูลค่างานทั้งหมด เป็นรายได้ของ LTS และด้วย NPM ที่คาดไว้ค่อนข้าง Conservative เพียง 7.2%
งานแรกที่คาดว่าจะได้รับอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายใน 1Q25 และอาจใช้เวลาในการดำเนินการไม่นาน จึงมีโอกาสที่จะสามารถรับรู้รายได้บางส่วนหรือทั้งหมดใน 1Q25 ประกอบกับรายได้ให้เช่า GPU เข้าไตรมาสแรก ทำให้กำไร 1Q25
อาจทำ New High ได้ต่อเนื่อง
นอกจากนี้ คาดว่างาน Commissioning จะมีต่อเนื่องทุกไตรมาสของปีนี้ รวมถึงงาน เสาไฟอัจฉริยะ ที่คาดว่าจะได้งานอย่างน้อย 1–2 จังหวัดในช่วง 1H25
แผนเติบโตแบบ Inorganic
บริษัทมีแผนเติบโตแบบ Inorganic ด้วยการซื้อหรือควบรวมกิจการ (M&A) ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา โดยเน้นธุรกิจด้าน IT และเทคโนโลยี เพื่อต่อยอดความเชี่ยวชาญของบริษัท ซึ่งต้องเป็นบริษัทที่มีกำไรอยู่เดิมแล้ว และสามารถทำให้กำไรเติบโตมากขึ้นได้หลัง M&A คาดว่าจะชัดเจนใน 1H25
ประมาณการยังมีโอกาสปรับขึ้น…PER25 ค่อนข้างต่ำ
ราคาหุ้นปรับตัวลง 30% ภายใน 4 วัน โดยไม่มีปัจจัยอะไรใหม่ เนื่องจากเป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนสูงนับตั้งแต่ IPO และเป็นหุ้นขนาดเล็ก ทำให้ถูก Panic Sell ได้ง่าย โดยเฉพาะประเด็นการนำหุ้นไปวางหลักประกันของผู้บริหาร
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารยืนยันว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 อันดับแรกไม่มีการนำหุ้นไปวางเป็นหลักประกันเลยในปัจจุบัน
การปรับตัวลงจึงเป็นโอกาสในการลงทุน เนื่องจากยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังไม่รวมในประมาณการ และแม้พิจารณาที่ประมาณการปัจจุบัน การปรับตัวลงทำให้ราคาหุ้นซื้อขายที่ PER 2025 ต่ำเพียง 17 เท่า ซึ่งต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับการเติบโตที่คาดไว้ที่ 89% ในปี 2025 และอีก 20% ในปี 2026 บนโอกาสที่ยังปรับขึ้นได้อีก คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 21.00 บาท