[Vision Exclusive] LEOปลุกกระแสส่งออก เล็งพันธมิตรจีนต่อยอด


หุ้นวิชั่น
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยกับ ทีมข่าวหุ้นวิชั่น ว่า คาดการณ์ว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศดีขึ้น รวมถึงการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการส่งออกและธุรกิจโลจิสติกส์ให้เติบโตมากขึ้น เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ขณะที่สัดส่วนการส่งออกสินค้าไปยังจีนของ LEO ยังคงเป็นตลาดหลักของบริษัท โดยมีสัดส่วนถึง 30% ส่วนสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนอยู่ที่ 15-20%

            คาดว่าเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง จะส่งผลให้การสต็อกสินค้าสู่สหรัฐอเมริกามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากคาดว่าอาจมีการปรับขึ้นภาษีการนำเข้าสินค้า ขณะที่การยุติสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียจะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ตัวเลข PMI Index และตัวเลขการจับจ่ายใช้สอยมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยบรรเทาความกังวลในระดับโลกและส่งผลให้ความรู้สึกในตลาดเริ่มคลายความวิตกกังวลลง

            สำหรับทิศทางปีหน้า หรือปี 2568 ธุรกิจหลักการขนส่งสินค้า หรือ Logistic คาดจะสร้างอัตราการทำกำไร (มาร์จิ้น) ได้ที่ระดับ 15-20% ส่วนแนวโน้มรายได้ขึ้นอยู่กับซัพพลาย ดีมานด์ และ LEO มีแผนจะขยายฐานลูกค้าใหม่ตลอดเวลา จากการส่งออก นำเข้าสินค้า รวมถึงการที่พันธมิตรสนใจเข้ามาร่วมต่อยอดธุรกิจ เพื่อลดต้นทุนการขนส่งสินค้า

            ในปี 2568 คาดว่าผลการลงทุนร่วมกับ บริษัท ศรีตรังโลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟครอบคลุมทั้งภายในประเทศไทยและผ่านแดนไปยังประเทศมาเลเซีย จะเริ่มเห็นผลชัดเจน โดยบริษัทมีประสบการณ์ในการขนส่งสินค้าทางรถไฟทั่วประเทศมานานกว่า 7 ปี ล่าสุดได้จัดตั้งบริษัทใหม่ชื่อ บริษัท ศรีตรัง ลีโอ มัลติโมเดิล ลอจิสติกส์ จำกัด” มีทุนจดทะเบียนจำนวน 50 ล้านบาท โดย LEOถือหุ้น 50% และ บริษัท ศรีตรังโลจิสติกส์ จำกัด ถือหุ้น 50% การรับรู้รายได้ผ่านบริษัทร่วมทุนนี้คาดว่าจะช่วยผลักดันมาร์จิ้นให้กับบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ แนวโน้มการส่งออกผลไม้และการจับมือกับพันธมิตรในจีน เพื่อนำเข้าสินค้าและส่งออกสินค้าจากไทยไปยังจีน คาดว่าจะมีความชัดเจนในปี 2568 เช่นกัน ธุรกิจนี้คาดว่าจะสร้างรายได้หลายร้อยล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 30% ของรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่โลจิสติกส์

            นายเกตติวิทย์ กล่าวต่อว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรจากจีนเพิ่มเติม เพื่อนำสินค้าจากจีนเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากจีน ซึ่งมีความก้าวหน้ามาก อาทิ รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และการพัฒนาอีคอมเมิร์ซ คาดว่าจะเห็นการจับมือกับพันธมิตรจีนเพิ่มเติมเพื่อต่อยอดธุรกิจในปี 2568 ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายตลาดให้กับบริษัทในอนาคต

            สำหรับ 9 เดือนแรกปี 2567 บริษัทมีรายได้แล้วที่ 1,234.15 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 34.22 ล้านบาท บริษัท เชื่อมั่นว่า ตั้งแต่ไตรมาส 4/2567 เป็นต้นไป จะเห็นการเติบโตของรายได้และกำไรขั้นต้นจากการรับรู้รายได้จากหน่วยธุรกิจใหม่ๆ เช่น โครงการ Self-Storage สาขาที่ 3 และ Wine Storage ที่ถนนพระราม 4 โดยรายได้จากธุรกิจ Self-Storage มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 3/2567 ซึ่งเติบโตถึง 98% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2566 และเมื่อเปรียบเทียบ 9M/2567 กับ 9M/2566 พบว่าเพิ่มขึ้น 68%

 รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่ได้มีการจัดตั้งในช่วงที่ผ่านมา เช่น การขนส่งทางรางไปยังประเทศจีน-ลาว ของบริษัท LaneXang Express, การขนส่งสินค้าทางรางภายในประเทศของบริษัท Sritrang Leo Multimodal Logistics, การให้บริการโลจิสติกส์และกระจายสินค้า ของบริษัท Advantis Leo และการส่งออกสินค้าจากประเทศไทยไปยังประเทศจีนจากบริษัท Leo Sourcing & Supply Chain ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าโครงการดังกล่าวจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 4/2567 เป็นต้นไป และเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทในการเพิ่มรายได้จากธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องใน 1-2 ปีข้างหน้า

 

รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

[ภาพข่าว] KTMS ตั้งเป้ารายได้โต 20-30% ต่อปี วางเป้า 3 ปี สาขาแตะ 60 สาขา

[ภาพข่าว] KTMS ตั้งเป้ารายได้โต 20-30% ต่อปี วางเป้า 3 ปี สาขาแตะ 60 สาขา

FVC เข้าซื้อ “เวิลด์ อินดัสเทรียล เอสเตท” มูลค่า 370 ลบ.

FVC เข้าซื้อ “เวิลด์ อินดัสเทรียล เอสเตท” มูลค่า 370 ลบ.

“NTFG”  แปรสภาพเป็น ‘มหาชน’ เดินหน้าเข้า mai

“NTFG” แปรสภาพเป็น ‘มหาชน’ เดินหน้าเข้า mai

"TACC" ซื้อรับปันผล เล็งจ่าย 21 พ.ค. นี้

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด