หุ้นวิชั่น – ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เปิดรับฟังความคิดเห็น “การปรับปรุงการคำนวณดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 4-17 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีรายละเอียดดังนี้
- 1.การจัดทำและเผยแพร่ดัชนี SET Index Series ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้จัดทำและเผยแพร่ดัชนี SET Index Series ซึ่งประกอบไปด้วยดัชนีที่มีความหลากหลาย ทั้งในด้านการคัดเลือกและการคำนวณ เพื่อให้ผู้ลงทุนมีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้ดัชนีต่างๆ ได้ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
ดัชนี SET50 และ SET100 ซึ่งเป็น Tradable Index ใช้วิธีการคำนวณดัชนีในรูปแบบ Market Capitalization Weight โดยใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในการกำหนดน้ำหนักของหลักทรัพย์แต่ละตัวในดัชนี อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันพบหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบดัชนีมีขนาดบริษัท (Market Capitalization) ใหญ่อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับหลักทรัพย์อื่นๆ ที่เป็นองค์ประกอบ ซึ่งอาจส่งผลให้หลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่มีสัดส่วนน้ำหนัก (Index weight) ในดัชนีมาก และมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนี ทำให้ดัชนีอาจไม่สะท้อนภาพรวมของตลาดอย่างที่ควร การจำกัดน้ำหนักรายหลักทรัพย์จึงเป็นแนวทางเพิ่มเติมที่อาจช่วยให้โครงสร้างดัชนีสมดุลมากขึ้น
- 2.การจำกัดน้ำหนักหลักทรัพย์ (Capped Weight) ในระดับสากล
เพื่อแก้ปัญหาหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลมากต่อดัชนี ตลาดหลักทรัพย์หรือผู้จัดทำในต่างประเทศจึงเลือกใช้การกำหนด Capped Weight ในการคำนวณดัชนี เพื่อจำกัดสัดส่วนของหลักทรัพย์/กลุ่มหลักทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยการจำกัดน้ำหนักของหลักทรัพย์ในดัชนีนั้นเป็นมาตรฐานที่ใช้ในหลายดัชนีทั่วโลก เช่น EuroStoxx50, HSI, MSCI, CAC40, NASDAQ100 และ Nikkei225 เป็นต้น
จากการศึกษาจากดัชนีชั้นนำในต่างประเทศ การใช้ Capped Weight สามารถดำเนินการได้หลายแนวทาง โดยพิจารณาใน 2 มิติหลัก ได้แก่ การจำกัดน้ำหนักในระดับรายหลักทรัพย์ และ/หรือ กลุ่มหลักทรัพย์
2.1 การจำกัดน้ำหนักในระดับรายหลักทรัพย์ (Constituent Stock Weight Capping) : เป็นแนวทางที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในดัชนีต่างประเทศ เช่น HSI, MSCI, EuroStoxx50 และ NASDAQ100 โดยกำหนดเพดานน้ำหนักของหลักทรัพย์รายตัวให้อยู่ในช่วง 8-15% เพื่อลดอิทธิพลของหลักทรัพย์ขนาดใหญ่
2.2 การจำกัดน้ำหนักของกลุ่มหลักทรัพย์ขนาดใหญ่/กลุ่มอุตสาหกรรม (Top-Weight/Sector/Industry Weight Capping) : มีบางดัชนีที่จำกัดน้ำหนักของกลุ่มหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ เพิ่มเติมจากการจำกัดน้ำหนักรายหลักทรัพย์ เช่น ดัชนี NASDAQ100 กำหนดให้ 5 หลักทรัพย์ที่มี Market Capitalization สูงสุด (Top 5) มีน้ำหนักรวมกันไม่เกิน 38.5% เพื่อให้แน่ใจว่าดัชนีไม่ถูกครอบงำโดยหลักทรัพย์ขนาดใหญ่เหล่านั้นด้วย
- ข้อเสนอในการจำกัดน้ำหนักหลักทรัพย์รายตัวใน SET50 และ SET100 Index Series
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เสนอให้พิจารณาจำกัดน้ำหนักหลักทรัพย์รายตัว (Constituent Stock Weight Capping) เพื่อช่วยลดอิทธิพลของหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ต่อดัชนี เนื่องจากเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับผลการหารือเบื้องต้นกับผู้ใช้งานดัชนีและผลการศึกษาจากต่างประเทศข้างต้น โดยจะพิจารณานำ Capped Weight มาใช้กับ SET50, SET100, SET50FF และ SET100FF
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทำการทดสอบ (Index Simulation) พบว่าการจำกัดน้ำหนักหลักทรัพย์รายตัวในดัชนี SET50 และ SET100 ที่ระดับ 10% นั้น สามารถลดอิทธิพลของหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังคงรักษาโครงสร้างและความสามารถในการสะท้อนภาพรวมของตลาดไว้ได้ นอกจากนี้ ระดับ 10% ยังสอดคล้องกับข้อกำหนดของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่กำหนดให้กองทุนรวมสำหรับผู้ลงทุนทั่วไป (Retail Mutual Fund) ไม่สามารถลงทุนในหลักทรัพย์รายตัวเกิน 10% (ประกาศ ทน. 87/2558)
ข้อเสนอ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอเสนอแนวทางการปรับปรุงการคำนวณดัชนีด้วยการ Capped Weight รายหลักทรัพย์ ดังนี้
- กำหนดให้หลักทรัพย์รายตัวที่เป็นองค์ประกอบในดัชนี SET50, SET50FF, SET100 และ SET100FF มีน้ำหนักไม่เกิน 10% ในแต่ละรอบการคัดเลือก
- กำหนดให้มีการ Rebalance น้ำหนักของหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของดัชนีดังกล่าวเป็นรายไตรมาส และในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงระหว่างรอบคัดเลือก เช่น กรณีหลักทรัพย์ IPO ขนาดใหญ่ หรือกรณีควบรวมและซื้อกิจการ (Merger & Acquisition) โดยแนวทางการ Rebalance จะเน้นการลด Index Turnover ที่ไม่จำเป็น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้ดัชนี