หุ้นวิชั่น – จากการศึกษาข้อมูลการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 ของบริษัทจดทะเบียนจำนวน 821 บริษัท ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกว่า 16.80 ล้านล้านบาท หรือ 97.8% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด (Total Market Capitalization) สรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้
- ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย มีมูลค่ารวมกว่า 18 ล้านล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 1.37% จากสิ้นปี 2566 โดยมูลค่าการถือครองหุ้นคิดเป็น 30.80% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด
- กลุ่มอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มบริการ โดยการถือครองหุ้นทั้ง 3 กลุ่มอุตสาหกรรมมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 81 ล้านล้านบาท คิดเป็น 73.54% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ
- หมวดธุรกิจที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON) หมวดธนาคาร (BANK) และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) โดยหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยังคงอยู่ในอันดับ 1 ต่อเนื่องจากสิ้นปี 2566 โดย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 ทั้ง 3 หมวดธุรกิจ มีมูลค่าถือครองหุ้นรวม 78 ล้านล้านบาท คิดเป็น 53.62% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ
- 22% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเป็นการถือครองหุ้นที่อยู่ในองค์ ประกอบของ MSCI Thailand Index ใกล้เคียงกับ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566
นักลงทุนต่างประเทศที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 10 สัญชาติแรก พบว่า ยังคงเป็นสัญชาติเดียวกันกับปีก่อนแต่มีสลับอันดับ โดยนักลงทุนจากสหราชอาณาจักรมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด ตามมาด้วยนักลงทุนจากสิงคโปร์ ฮ่องกง สวิสเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา ขณะที่อันดับที่ 6 – 10 สลับอันดับจากปีที่ผ่านมา โดยอันดับที่ 6 คือ เนเธอร์แลนด์ และตามมาด้วยญี่ปุ่น ไต้หวัน ฝรั่งเศส และมอริเชียสตามลำดับ
ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทยรวมกว่า 5.18 ล้านล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 1.37% จากสิ้นปี 2566 โดยมูลค่าการถือครองหุ้นคิดเป็น 30.80% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด
จากการศึกษาข้อมูลการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ[1] ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (ตลาดหุ้นไทย) จาก 1) ข้อมูลการปิดสมุดทะเบียนเพื่อประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้น / เพื่อจ่ายเงินปันผล 2) ข้อมูล Corporate Actions และ 3) ข้อมูลการระดมทุนผ่านตลาดรองของบริษัทจดทะเบียน โดยใช้ข้อมูลล่าสุดถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2567 จำนวน 821 บริษัท[2] มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกว่า 16.80 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 97.8% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด (Total Market Capitalization)[3]
ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทยรวม 5.18 ล้านล้านบาท (ภาพที่ 1) เพิ่มขึ้น 69,705 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.37% จากสิ้นปี 2566 จาก 1) ราคาหลักทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นจากสิ้นปี 2566 (ตารางที่ 1) 2) การถือครองหุ้นของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ (new listing companies) และ 3) การถือครองหุ้นเพิ่มเติมจากกิจกรรมการระดมทุนในตลาดรอง (secondary public offering) ซึ่งส่งผลให้สัดส่วนมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยขยับเพิ่มไปอยู่ที่ 30.80% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด ซึ่งสัดส่วนกลับไปอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2561 (ข้อมูล ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม)
[1] การแบ่งสัญชาตินักลงทุน ใช้ข้อมูลตามที่นักลงทุนระบุในฐานข้อมูลนักลงทุน หากนักลงทุนต่างประเทศลงทุนผ่านทางประเทศอื่น หรือ หลักทรัพย์อยู่ภายใต้ผู้เก็บรักษาทรัพย์สิน (custodian/trustee) ในประเทศอื่น ทำให้ฐานข้อมูลนักลงทุนมีความคลาดเคลื่อนจากสัญชาติที่แท้จริงของนักลงทุนได้
[2] ข้อมูล ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 ไม่รวมบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และไม่รวมบริษัทจดทะเบียนที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ในปี 2567 ที่ยังไม่มีการปิดสมุดทะเบียนระหว่างเดือนมกราคม – สิงหาคม 2567
[3] มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567
และคาดว่ามูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากสิ้นเดือนสิงหาคม 2567 ทั้งจากราคาหลักทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกหมวดธุรกิจโดย SET Index ปรับเพิ่มขึ้นสูงถึง 6.6% และจากการซื้อสุทธิกว่า 28,903.57 ล้านบาท ในเดือนกันยายน 2567 (ภาพที่ 2)
กลุ่มอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มบริการ มีมูลค่าถือครองหุ้นรวม 3.81 ล้านล้านบาท คิดเป็น 73.54% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ
เมื่อพิจารณามูลค่าถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย จำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรม 9 อุตสาหกรรม (นับตลาดเอ็ม เอ ไอ เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรม) ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 พบว่า นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นเพิ่มขึ้นใน 2 กลุ่มอุตสาหกรรม คือ กลุ่มเทคโนโลยีและบริษัทจดทะเบียนในเอ็ม เอ ไอ (ตารางที่ 2) โดยอุตสาหกรรมที่มีการถือครองสูงสุดยังคงเป็นกลุ่มเทคโนโลยีเหมือนปีที่ผ่านมา ตามมาด้วยอันดับที่ 2 คือ กลุ่มธุรกิจการเงิน และอันดับที่ 3 คือ กลุ่มบริการ ซึ่ง 3 อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าถือครองหุ้นสูงสุดในปีนี้ มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 3.81 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 73.54% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ
กลุ่มเทคโนโลยี ยังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นด้วยมูลค่าสูงสุดที่ระดับ 2,021,647 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 401,762 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24.80% จากสิ้นปี 2566 โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้มูลค่าการถือครองหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลจากราคาหลักทรัพย์ที่ปรับเพิ่มขึ้นของบริษัทจดทะเบียนในหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) และหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
อันดับที่ 2 คือ กลุ่มธุรกิจการเงิน มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 907,488 ล้านบาท ลดลง 65,666 ล้านบาท หรือลดลง 6.75% จากสิ้นปี 2566 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงตามดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมที่ลดลง 6.13% จากปีก่อน
อันดับที่ 3 คือ กลุ่มบริการ มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 877,201 ล้านบาท ลดลง 38,970 ล้านบาท หรือลดลง 4.25% จากสิ้นปี 2566 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงตามดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมที่ลดลง 4.36% จากปีก่อน
หมวดธุรกิจที่นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รองลงมา คือ หมวดธนาคาร และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตามลำดับ
เมื่อพิจารณามูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศจำแนกตามหมวดธุรกิจของตลาดหุ้นไทย จำนวน 28 หมวด (รวมตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เป็นหนึ่งหมวดธุรกิจ) พบว่า
หมวดธุรกิจที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก (ตารางที่ 3) โดย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 คือ หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON) หมวดธนาคาร (BANK) และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) โดยหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยังคงอยู่ในอันดับ 1 ต่อเนื่องจากสิ้นปี 2566 และนักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวมใน 3 หมวดธุรกิจข้างต้นรวม 2.78 ล้านล้านบาท คิดเป็น 53.62% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ
หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON) มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 1,355,303 ล้านบาท คิดเป็น 26.19% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ
รองลงมา คือ หมวดธนาคาร (BANK) มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 753,715 ล้านบาท คิดเป็น 14.56% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ
อันดับที่ 3 ได้แก่ หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) มูลค่าการถือครองหุ้นรวม 666,345 ล้านบาท คิดเป็น 12.87% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งใกล้เคียงกับอันดับ 4 คือ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค (ENERG) มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 648,191 ล้านบาท คิดเป็น 12.52% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ
75.22% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย เป็นการถือครองหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของ MSCI Thailand Index ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน
จากรายชื่อหลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้น ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 เปรียบเทียบกับรายชื่อองค์ประกอบของ MSCI Thailand Index จำนวน 32 บริษัท[1] พบว่า นักลงทุนต่างประเทศถือครองทุกหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบดัชนีดังกล่าว โดยมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 3.89 ล้านล้านบาท คิดเป็น 75.22% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ (ภาพที่ 3) ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566
[1] รายชื่อหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบ MSCI Thailand Index ณ 30 สิงหาคม 2567
ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 นักลงทุนจาก 122 สัญชาติ ถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย โดยนักลงทุนจากสหราชอาณาจักร สิงคโปร์ และฮ่องกง มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 3 สัญชาติแรก
จากข้อมูลการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 พบว่า มีนักลงทุนต่างประเทศจำนวน 122 สัญชาติถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย เท่ากับปีที่ผ่านมา (แต่มีการเปลี่ยนแปลงสัญชาติ) โดยนักลงทุนต่างประเทศที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 10 สัญชาติแรก มีมูลค่าถือครองหุ้นรวม 5.02 ล้านล้านบาท คิดเป็น 97.0% ของมูลค่าการถือครองหุ้นทั้งหมดของนักลงทุนต่างประเทศ (ตารางที่ 4)
จากภาพรวมมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศจำแนกตามสัญชาตินักลงทุน พบว่า นักลงทุน 10 สัญชาติแรกที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวมสูงสุด ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 ยังคงนักลงทุนสัญชาติเดียวกันกับปีที่ผ่านมา แต่มีการเปลี่ยนแปลงอันดับจากปีก่อน โดย 5 อันดับแรกยังคงเป็นนักลงทุนสัญชาติเดิม ขณะที่อันดับ 6 – 10 มีการสลับอันดับ สรุปได้ดังนี้
- นักลงทุนจากสหราชอาณาจักรยังคงมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุดในตลาดหุ้นไทย โดยมูลค่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่กระจายถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่เป็นองค์ประกอบดัชนีอ้างอิงต่างประเทศ (อาทิ MSCI Thailand Index เป็นต้น)
- อันดับที่ 2 ยังคงเป็นนักลงทุนจากสิงคโปร์ ที่มูลค่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ทั้งในหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- อันดับที่ 3 คือ นักลงทุนจากฮ่องกง มูลค่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่กระจายถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่เป็นองค์ประกอบดัชนีอ้างอิงต่างประเทศ
- ขณะที่อันดับที่ 4 คือ นักลงทุนจากสวิสเซอร์แลนด์ ที่มูลค่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่ของกระจายถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่เป็นองค์ประกอบดัชนีอ้างอิงต่างประเทศ โดยเฉพาะในธุรกิจพลังงาน และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอันดับที่ 5 คือ นักลงทุนจากสหรัฐอเมริกา ที่มูลค่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่กระจายถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่เป็นองค์ประกอบดัชนีอ้างอิงต่างประเทศ
- อันดับที่ 6 คือ นักลงทุนจากเนเธอร์แลนด์ ที่ขยับขึ้นมาจากอันดับที่ 7 จากปีก่อน ขณะที่อันดับที่ 7 คือ นักลงทุนจากญี่ปุ่นลงมาจากอันดับที่ 6 จากปีก่อน
- อันดับที่ 8 และอันดับที่ 9 คือ นักลงทุนจากไต้หวัน และนักลงทุนจากฝรั่งเศส ที่ปรับขึ้นมาจากอันดับที่ 9 และ 10 จากปีก่อน ขณะที่นักลงทุนจากมอริเชียสอยู่ในเป็นอันดับที่ 10 ลดลงจากอันดับที่ 8 จากปีก่อน
จัดทำโดย สุมิตรา ตั้งสมวรพงษ์ ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย