สงครามการค้าเดือด! กด EPS หุ้นไทย


          หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง กลยุทธ์การลงทุน นัยยะจากการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยรอบล่าสุด ประมาณการเศรษฐกิจชุดใหม่จากสงครามการค้าที่รุนแรงรอบใหม่ของ Trump หลังจากที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการภาษีตอบโต้กับประเทศไทยที่อัตรา 36% และเกิดการตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน นักเศรษฐศาสตร์ของเราจึงได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2568 ใหม่ โดยคาดว่า GDP ของไทยจะเติบโตลดลงเหลือเพียง 2.0% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 2.6%

          ในขณะเดียวกัน คาดว่า กนง. จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 1.25% ภายในสิ้นปี 2568 นอกจากนี้ เรายังอยู่ระหว่างการทบทวนสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยน USD/THB ใหม่ โดยคาดว่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงจากสมมติฐานปัจจุบันที่ 32.8 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับภาษีการค้าทั่วโลก และผลลัพธ์ของการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับไทย

          การวิเคราะห์แบบ Top-down ชี้ให้เห็นว่า EPS ของบริษัทจดทะเบียนไทย และดัชนี SET ยังคงมี downside อีกพอสมควร เรามองว่ายังเร็วเกินไปที่นักวิเคราะห์จะปรับประมาณการกำไรปี 2568 อย่างเป็นทางการ เนื่องจากพลวัตของประเด็นสงครามการค้ายังคงผันผวน และผลสรุปของประเทศไทยยังไม่ชัดเจน

          อย่างไรก็ตาม เราได้ดำเนินการวิเคราะห์แบบ Top-down ควบคู่กับการวิเคราะห์เชิงปริมาณแบบถดถอย ซึ่งให้ผลลัพธ์บางประการที่สะท้อนว่า GDP จะขยายตัวชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ดังแสดงใน Figure 1 GDP ที่ขยายตัว 2.0% บ่งชี้ว่า EPS ของบริษัทจดทะเบียนไทยจะเติบโตเพียง 6.2% และ EPS ของบริษัทที่ KGI ทำการศึกษาอยู่จะอยู่ที่ 89.1 จุด

          เมื่ออิงจากค่า PE เฉลี่ยระยะยาว -1.5SD ซึ่งเทียบเท่ากับค่า PE เป้าหมายที่ 13.2 เท่า ทำให้เป้าหมายของดัชนี SET ลดลงมาอยู่ที่ 1,176 จุด จากเป้าหมายปัจจุบันที่ 1,360 จุด ดังนั้น ประมาณการ EPS ที่แท้จริงจึงยังขึ้นอยู่กับการปรับประมาณการของแต่ละบริษัทเป็นหลัก และเรายังไม่ได้ปรับเป้าหมายดัชนี SET อย่างเป็นทางการในบทวิเคราะห์ฉบับนี้

          แนวโน้ม GDP ที่ลดลง ส่งผลกระทบต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์, สินค้าฟุ่มเฟือย และสื่อ ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากสงครามการค้าส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก, ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และแนวโน้ม GDP โดยรวมเรามองว่ากลุ่มที่อยู่อาศัย, สินค้าฟุ่มเฟือย และสื่อ จะยังคงเผชิญแรงกดดันต่อไป ถึงแม้อัตราดอกเบี้ยของไทยจะมีแนวโน้มลดลงในไตรมาสถัดไป แต่เรายังไม่มั่นใจว่าจะสามารถกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ได้หรือไม่ เนื่องจากกำลังซื้อยังอ่อนแอ, ผลกระทบจาก wealth effect ที่ลดลงตามภาวะตลาดหุ้น และผลกระทบจากแผ่นดินไหวเมื่อไม่นานมานี้ เรายังคงมองว่าผู้บริโภคในประเทศจะยังรัดเข็มขัด และคิดอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย

ธีมหุ้นในปี 2568: เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนเกาะกับธีมหุ้นที่ทนต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย เช่น

หุ้น Defensive (กลุ่มโรงพยาบาล)

หุ้นบางตัวในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (F&B)

สินค้าจำเป็นสำหรับผู้บริโภค เช่น BCH*, BTG* และ CPAXT

หากสหรัฐฯ สามารถบรรลุข้อตกลงเจรจาการค้ากับประเทศหลัก ๆ อย่างญี่ปุ่น และจีนได้ เราคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวในระยะสั้น และการดีดตัวของหุ้นกลุ่ม ‘China plays’ เช่น PTTGC*, SCC* และ IVL* อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่ม high-beta อาจยังคงมีความผันผวนในช่วงที่ปัจจัยมหภาคยังไม่เสถียร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

CPALL ลุยความยั่งยืน

CPALL ลุยความยั่งยืน

SUSCO บอร์ดไฟเขียว รุกสถานีแบตเตอรี่รถ EV

SUSCO บอร์ดไฟเขียว รุกสถานีแบตเตอรี่รถ EV

DELTA ทุ่ม 506 ลบ. ซื้อเครื่องจักร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

DELTA ทุ่ม 506 ลบ. ซื้อเครื่องจักร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

DELTA กำไรโค้งแรก 5.4 พันล. - โตแรง 154%

DELTA กำไรโค้งแรก 5.4 พันล. - โตแรง 154%

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด