หุ้นไทยสั่นคลอน! เดือน พ.ค. ปัจจัยลบรุมเร้า นลท.ต้องระวัง?

           หุ้นวิชั่น – บล.พาย ประเมินตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นมาในเดือน เม.ย. แต่หลักๆ มาจากการปรับขึ้นของ DELTA หลังจาก DELTA ประกาศผลประกอบการดีกว่าคาดการณ์ แต่อย่างไรก็ตามให้ระมัดระวังจากราคาหุ้นที่แพง ด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯมีสัญญาณอ่อนแอเรื่อยๆ จากการจ้างงาน ความเชื่อมั่นผู้โภค PMI ที่ลดลง

ขณะที่ช่วงถัดไปภาษีนำเข้าของสหรัฐฯจะเป็นปัจจัยเร่งเงินเฟ้อรวมถึงสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจที่อาจนำพาสหรัฐฯ ไปสู่ Recession ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงไทย

ส่วนเศรษฐกิจไทยเต็มไปด้วยความเสี่ยงและเริ่มเห็นการปรับลดคาดการณ์เชื่อว่าหลังจากนี้จะตามมาด้วยการปรับลดประมาณการกำไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มท่องเที่ยวเพราะจำนวนนักท่องเที่ยวเสี่ยงจะไปไม่ถึงเป้าหมายที่คาดการณ์กันช่วง 38 – 39 ล้านคน ขณะที่ตลาดหุ้นไทยแม้ Valuationจะไม่แพงเมื่อเทียบกับข้อมูลในอดีตแต่หากเทียบกับภูมิภาคถือว่าไม่ถูกเท่าใดนักเมื่อประกอบกับความเสี่ยงทั้งภายในและภายนอกทำให้ แนะว่าควรเพิ่มระมัดระวังการลงทุนและเลือกเฉพาะหุ้นที่โอกาสถูกปรับลดกำไรค่อนข้างต่ำ

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณชะลอตัวจากหลายๆสัญญาณไม่ว่าจะเป็น ดัชนี PMI ที่สำรวจจากสถาบัน ISM ทั้งภาคผลิตและภาคบริการที่เริ่มชะลอตัวลง สอดคล้องกับอัตราการว่างงานที่เริ่มขยับขึ้นและคาดการณ์ว่ามีแนวโน้มจะขยับขึ้นขณะที่การจ้างงานนอกภาคเกษตรก็เริ่มเห็นการเพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยลงหากเป็นภาวะปกติอาจเห็นการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ

แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันสิ่งที่พบเห็นคือทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐฯอาจเร่งสูงขึ้นเพราะภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯที่ประกาศขึ้นกับนานาประเทศรวมถึงจีนที่ปรับขึ้นมากถึง 125% ข้อมูลล่าสุดจาก Bloomberg ทำการสำรวจสินค้าจาก SHEIN พบว่าบางสินค้าราคาปรับขึ้นมา 377% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (สินค้าราคา 1.3$ ปรับขึ้นมาเป็น 6.1$) และเชื่อว่าสินค้าอื่นๆราคาจะปรับขึ้นมาหลังจากนี้

นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้วหากพิจารณาการขยายตัวของราคาสินค้านำเข้ากับเงินเฟ้อสหรัฐฯพบว่าทิศทางไปด้วยกัน ในขณะที่การเคลื่อนไหวของ Bond Yieldพบว่าเม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์ระยะยาวสะท้อนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯระยะยาวที่ปรับขึ้น (อายุ 10 ปี)แต่หากเป็นระยะสั้นพบว่าเม็ดเงินไหลเข้าไป (อายุ 2 ปี) โดยปกติแล้ว 2 ปีมักคล้ายกับดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐฯบ่งชี้ว่านักลงทุนประเมินว่าอาจเห็นการลดดอกเบี้ยของ FED

ปัจจัยที่กล่าวไปทั้งหมดข้างต้นกำลังบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มิสู้ดีมากนักและอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ซึ่งมีหลายๆสัญญาณบ่งชี้ว่าสหรัฐฯ อาจไปสู่ภาวะถดถอย ยกตัวอย่างเช่น การเกิดความผิดปกติของเส้นพันธบัตรผลตอบแทนรัฐบาลสหรัฐฯในช่วงก่อนหน้านี้ซึ่งการเกิดความผิดปกติ (Inverted Yield Curve) แต่ปัจจุบันกลับมาเป็นภาวะปกติ (NormalYield Curve) แต่สถิติอดีตที่ผ่านมาชี้ว่าการเกิด Recession มักเกิดในช่วงที่จาก Inverted Yield Curve กลับมาเป็น Normal Yield Curve ซึ่งคล้ายคลึงกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

นอกจากเรื่องของ Yield Curveแล้วหากไปย้อนดูภาษีนำเข้าในอดีตพบว่าช่วงที่ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯปรับเพิ่มสูงขึ้นมักจะนำ สหรัฐฯ ไปสู่เศรษฐกิจถดถอย

เมื่อพิจารณาผลกระทบจากสงครามการค้ารอบปัจจุบันพบว่าเริ่มเห็นการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจทั้งโลกและไทย สำหรับเศรษฐกิจโลก IMF ออกมาปรับลดเหลือขยายตัวเพียง2.8%YoY จากเดิมที่ 3.3%YoY เหตุผลหลักจากเงินเฟ้อของโลกน่าจะลดลงช้ากว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เนื่องจากผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ

ส่วนเศรษฐกิจไทยหลายๆเริ่มเห็นการปรับลดลงมาเหลือการขยายตัวเพียง 1.5% จากก่อนหน้าที่ 2.5%รับผลกระทบจากการส่งออกและนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเดินทางเข้ามาน้อยและติดลบเมื่อเทียบกับปีก่อน

สำหรับประเทศไทยมีความเสี่ยงกับเรื่องภาษีของสหรัฐฯและยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าหลังผ่านพ้น 90 วัน สหรัฐฯจะดำเนินการภาษีอย่างไรกับประเทศไทย หากดูข้อมูลก็จะพบว่าไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯราว 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หากการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับไทยไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนในช่วงหลังจากนี้อาจเห็นการกลับมาขึ้นภาษีนำเข้าของไทย ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจไทย

ในขณะที่หากจีนลดบทบาทการค้ากับสหรัฐฯอาจเป็นไปได้ที่จีนต้องมองหาตลาดใหม่ด้วยการลดราคาไทยอาจเป็นหนึ่งในประเทศที่รับสินค้าราคาถูกจากจีน แต่ในขณะเดียวกันสินค้าราคาถูกจากจีนที่ทะลักเข้ามาจะเป็นปัจจัยกดดันธุรกิจขนาดเล็กในประเทศไทย (SME)มีผลต่อการจ้างงานและเศรษฐกิจไทย

เมื่อมาดูปัจจัยที่เคยเป็นความหวังของไทยอย่างการท่องเที่ยว ข้อมูลล่าสุดพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยสะสมตั้งแต่ต้นปี – 20 เม.ย. อยู่ที่ 11.27 ล้านราย (+0.5%YoY) นับเป็นการขยายตัวที่ค่อนข้างต่ำและเป็นไปได้ที่เป้าหมายระดับ 38-39 ล้านคน ที่หลายๆสำนักคาดการณ์กันไว้อาจมิสามารถไปได้ถึง

นอกจากนี้มีอีกข้อมูลที่น่าสนใจคือจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยลดลงติดต่อกัน 2 เดือนติดต่อ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงต่อเนื่อง 2 เดือนติดต่อเช่นกันสวนทางกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ไปญี่ปุ่นกลับมาขยายตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน อาจสะท้อนถึงความน่าสนใจของไทยที่ลดลงในสายตาประชาชนกรจีน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

DRT กำไรเหลือ 106.11 ลบ. กำลังซื้อที่อยู่อาศัยไม่ฟื้น

DRT กำไรเหลือ 106.11 ลบ. กำลังซื้อที่อยู่อาศัยไม่ฟื้น

CIVIL รายได้โตแตะ 1,126 ลบ. ส่งมอบงานตามแผน

CIVIL รายได้โตแตะ 1,126 ลบ. ส่งมอบงานตามแผน

MTC กำไรโต 13.1% ขยายพอร์ตสินเชื่อหนุน

MTC กำไรโต 13.1% ขยายพอร์ตสินเชื่อหนุน

SPALI ควัก 2 พันลบ. ซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 120 ล้านหุ้น

SPALI ควัก 2 พันลบ. ซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 120 ล้านหุ้น

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด