ADVANC โชว์กำไร Q1/68 ทะลุ 1 หมื่นลบ.

              หุ้นวิชั่น – ADVANCรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ด้วยรายได้รวม 56,311 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 10,584 ล้านบาท สะท้อนความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Cognitive Tech-Co ที่มุ่งยกระดับคุณภาพบริการดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าลงทุน 26,000–27,000 ล้านบาท เสริมแกร่งโครงข่าย-คลาวด์-ดาต้าเซ็นเตอร์ หนุนรายได้จากบริการหลักโตตามเป้า 3–5% แม้ต้องเผชิญความผันผวนทางเศรษฐกิจ

              บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือ ADVANC ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2568 โดยยังคงมุ่งมั่นการดำเนินธุรกิจที่สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนตามวิสัยทัศน์การเป็นองค์กรเทคโนโลยีโทรคมนาคมอัจฉริยะหรือ Cognitive Tech-Co ทำรายได้รวมอยู่ที่ 56,311 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 10,584 ล้านบาท เป็นผลมาจากการให้ความสำคัญกับคุณภาพและการส่งมอบบริการดิจิทัลที่หลากหลายและตรงตามความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ท่ามกลางความท้าทายของภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศที่ผันผวน และสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของบริบทโลกในมิติต่างๆ โดยในปี 2568 AIS ยังคงมุ่งปรับตัวการดำเนินธุรกิจให้สอดรับการเปลี่ยนแปลง และเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศให้มีความแข็งแรง ทั้งโครงข่ายมือถือ 5G และเน็ตบ้าน ระบบคลาวด์ และดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงการมุ่งเน้นคุณภาพ การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ในไตรมาสแรกของปีบริษัทฯ ยังสามารถรักษาระดับผลการดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย

              ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีผู้ใช้บริการรวมอยู่ที่ 45.7 ล้านเลขหมาย โดยผู้ใช้งาน 5G เพิ่มขึ้นเป็น 12.7 ล้านเลขหมาย เติบโตขึ้น 708,500 เลขหมายจากไตรมาส 4/2567 โดยพื้นที่ให้บริการ 5G มีความครอบคลุมมากกว่า 95% ของประชากรไทย จากการขยายโครงข่ายอัจฉริยะอย่างต่อเนื่องและมุ่งเน้นการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ามาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้แก่ลูกค้า
ธุรกิจบรอดแบนด์ มีจำนวนลูกค้าเน็ตบ้าน AIS 3BB FIBRE3 เติบโตขึ้น 59,700 ราย ทำให้มีผู้ใช้บริการรรวม อยู่ที่ 5.1 ล้านราย โดยยังคงมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านบรอดแบนด์ไฟเบอร์ให้ครอบคลุมการใช้งานในทุกบ้าน ทุกธุรกิจ ที่จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ดิจิทัลที่เหนือกว่า อาทิ แพ็กเกจ Super FAST, แพ็กเกจ Home FibreLAN รวมถึงขีดความสามารถจากนวัตกรรมเน็ตบ้านที่จะยกระดับบ้านให้เป็น Smart Home ด้วยอุปกรณ์ IoT อาทิ Smart Sound Bar และ IP Cloud Camera

              ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร มีอัตราการเติบโตรายได้อยู่ที่ 12% ซึ่งวันนี้มีความพร้อมรองรับการขยายตัวของการลงทุนด้านดิจิทัลในไทย ด้วยโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเฉพาะบริการ Ai และคลาวด์ รวมถึงการเตรียมเปิดบริการผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ระดับโลกอย่าง Oracle Cloud, GSA Data Center ภายในครึ่งปีแรก
ประมาณการรายได้จากบริการหลักยังคงเติบโตที่ระดับร้อยละ 3–5

              ในปี 2568 การเติบโตของรายได้จากการให้บริการหลักยังคงมุ่งเน้นที่คุณภาพ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่า ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง แนวทางดังกล่าวมุ่งเน้นเพื่อรักษาแนวโน้มการเติบโต ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจมหภาคและสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อ GDP ของประเทศไทยและกำลังซื้อของผู้บริโภค
ทั้งนี้ เอไอเอสมีมุมมองเชิงระมัดระวัง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปี โดยกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนรายได้จากการให้บริการ มีดังนี้:

• โทรศัพท์เคลื่อนที่: มุ่งเน้นรักษาความเป็นผู้นำด้านคุณภาพของโครงข่าย ยกระดับการใช้งาน 5G อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมนำเสนอบริการเสริมและคอนเทนต์ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม ควบคู่กับการให้บริการดิจิทัลระดับพรีเมียม โดยการแข่งขันในตลาดมุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ใช้งาน

• อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง: มุ่งเน้นการขยายฐานผู้ใช้บริการในพื้นที่ใหม่ ควบคู่กับการเพิ่ม ARPU ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นด้านนวัตกรรม และการเชื่อมต่อที่เหนือกว่าบริการอินเทอร์เน็ตทั่วไป โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อส่งมอบคุณภาพบริการที่แตกต่าง

• บริการลูกค้าองค์กร: เน้นการให้บริการเชื่อมต่อและคลาวด์ โดยใช้ความสัมพันธ์กับลูกค้าปัจจุบันในการนำเสนอโซลูชันเสริมที่แตกต่าง โดยเฉพาะโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย 5G เพื่อตอบรับกระแสดิจิทัล ช่วยผลักดันการเติบโตอย่างมีกำไร และรองรับความต้องการของลูกค้าองค์กรที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กำไร EBITDA เติบโตร้อยละ 3–5 จากการมุ่งเน้นความสามารถในการทำกำไร

              การเติบโตของ EBITDA สอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากทั้งบริการและการขาย รวมถึงการควบรวม TTTBB ในธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ เอไอเอสยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการใช้ประโยชน์จากการควบรวมกิจการ โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) และการปรับปรุงการบริหารต้นทุน เพื่อเสริมศักยภาพในการทำกำไร
บริษัทฯ ยังลงทุนในระบบไอที การพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย และการบูรณาการบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้เป็นระบบเดียวภายในปี 2569 เพื่อรักษาผลประกอบการที่แข็งแกร่งในระยะยาว และส่งมอบคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน

ตั้งงบลงทุนปี 2568 ที่ 26,000–27,000 ล้านบาท เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของโครงข่าย และใช้ในกระบวนการควบรวมกิจการให้สมบูรณ์

              กลยุทธ์การลงทุนยังคงมุ่งเน้นผลตอบแทนที่คุ้มค่า เพื่อรักษาคุณภาพและความเป็นผู้นำด้านโครงข่าย งบลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อปรับปรุงโครงข่ายและอุปกรณ์ให้ทันสมัย รองรับค่าใช้จ่ายในการควบรวมกิจการ และโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน โดยการจัดสรรงบยังเน้นที่บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ตามด้วยอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และบริการลูกค้าองค์กร

หมายเหตุ: ประมาณการดังกล่าวไม่รวมกรณีการประมูลคลื่นความถี่ และอ้างอิงบนสมมติฐานว่าบริษัทยังคงมีข้อตกลงกับ NT บนคลื่น 2100 MHz จนถึงสิ้นปี 2568

นโยบายการจ่ายเงินปันผล:จ่ายไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ของกำไรสุทธิ

              เอไอเอสยังคงมุ่งมั่นสร้างการเติบโตระยะยาว พร้อมส่งมอบผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยนโยบายการจ่ายเงินปันผลจะจ่ายไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ของกำไรสุทธิ ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลจะคำนึงถึงกระแสเงินสด แผนการลงทุน และความเหมาะสมในอนาคต โดยยังคงจ่ายปีละ 2 ครั้งจากผลการดำเนินงานของบริษัท และกำไรสะสม (เฉพาะงบการเงินเฉพาะกิจการ) โดยต้องไม่กระทบการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยอย่างมีนัยสำคัญ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Tidlor Holdings จ่อเข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ฯ 15 พ.ค.นี้ ใช้ชื่อย่อ “TIDLOR”

Tidlor Holdings จ่อเข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ฯ 15 พ.ค.นี้ ใช้ชื่อย่อ “TIDLOR”

A5 กำไร 30.34 ลบ. มุ่งพัฒนาโครงการ-หารายได้ประจำใหม่

A5 กำไร 30.34 ลบ. มุ่งพัฒนาโครงการ-หารายได้ประจำใหม่

AP กำไรเหลือ 864 ลบ. จ่อเปิดเพิ่ม 7 โครงการใน Q2

AP กำไรเหลือ 864 ลบ. จ่อเปิดเพิ่ม 7 โครงการใน Q2

MENA กำไรพุ่ง 53% ขนส่งเด่น-TDM หนุน

MENA กำไรพุ่ง 53% ขนส่งเด่น-TDM หนุน

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด