หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า ระบุ ปัจจุบันรัฐบาลได้มีแนวคิดในการปรับลดค่าไฟฟ้าลงเป็น 3.70 บาท/หน่วย (ลดลงราว 11% จากปัจจุบัน) ผ่านการลดค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนของระบบการจ่ายไฟฟ้าและต้นทุนก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการปรับสัญญาการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการพลังงานหมุนเวียนเดิมเพื่อให้สามารถปรับลดค่า Ft ลงได้ ส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวลงเฉลี่ย 4% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา
เนื่องจากการปรับลดค่า Ft จะส่งผลให้ราคารับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าแบบ Adder ลดลง อย่างไรก็ตาม จากการประเมินของเราคาดว่าการปรับลดค่าไฟฟ้าลงเป็น 3.70 บาท/หน่วย จะส่งผลกระทบต่อกำไรของ BCPG เพียง 5% ของประมาณการกำไรปี 2568
นอกจากนี้ BCPG ยังถือว่าเป็นหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีความเสี่ยงเชิงนโยบายน้อยกว่ากลุ่มฯ เพราะปัจจุบันมี สัดส่วนกำลังผลิตที่อยู่ในไทยเพียง 193MW หรือคิดเป็นเพียง 10% ของกำลังผลิตรวม
โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ จะได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรม Data Center
ปัจจุบัน สหรัฐฯ ถือเป็นประเทศที่มีการลงทุนในอุตสาหกรรม Data Center มากที่สุดในโลก (ผลจากการมีบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จำนวนมาก) และหากมองไปยังพื้นที่ของ ตลาด PJM (ตลาดไฟฟ้าในสหรัฐฯ ที่โรงไฟฟ้าของ BCPG ตั้งอยู่)
ตลาดดังกล่าวมีการจ่ายไฟฟ้าให้กับ Data Center รวมราว 3,375MW ในปี 2566 และมีแนวโน้มเพิ่มเป็น 7,041MW ในปี 2573 ตามการเติบโตของอุตสาหกรรม Data Center และ AI ซึ่งอุตสาหกรรมดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพสูง
ทำให้ปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าที่เป็น Base Load (เช่น ก๊าซธรรมชาติ) สูงขึ้นต่อเนื่อง และทำให้ ค่าความพร้อมจ่าย ของตลาดดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
หากอิงข้อมูลจาก PJM พบว่าค่าความพร้อมจ่ายของตลาดดังกล่าวสำหรับรอบ 2568/69 (เริ่ม มิ.ย. 25 – พ.ค. 26) ได้มีการปรับเพิ่มเป็น 269.90 ดอลลาร์สหรัฐฯ/MW-day จากรอบก่อนที่ระดับ 28.90-48.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ/MW-day
ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568-2569 ขึ้น 28% และ 46% ตามลำดับ
ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568-69 ขึ้น 28% และ 46% ตามลำดับ เป็น 1,583 ล้านบาท (+75% YoY) และ 1,931 ล้านบาท (+52% YoY) ตามลำดับ เพื่อสะท้อนค่าความพร้อมจ่ายของสหรัฐฯ สำหรับงวด 2568-69 (มิ.ย. 25 – พ.ค. 26) ที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 269.90 ดอลลาร์สหรัฐฯ/MW-day
(เรายังไม่ได้รวมโครงการลมในเวียดนามขนาด 99MW ไว้ในประมาณการ)
มองว่าการเติบโต YoY ในปี 2025 จะได้แรงหนุนจาก ความสามารถในการทำกำไรของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น (ผลจากการปรับขึ้นค่าความพร้อมจ่ายและราคาก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น)
รวมถึงการเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการลม Monsoon ที่มีกำหนดทยอย COD ในช่วง 2H25
หากมองไปปี 2026 คาดว่ากำไรปกติสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการลม Monsoon แบบเต็มปี และการรับรู้รายได้จากโครงการแสงอาทิตย์ในไต้หวัน ที่ COD ในช่วงปลาย 2025 ราว 100MW แบบเต็มปี
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเหมาะสมเป็น 9.50 บาท
ผลจากการปรับประมาณการขึ้นส่งผลให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ของเราเพิ่มขึ้นเป็น 9.50 บาท/หุ้น มี Upside 39%
ทั้งนี้ เรามองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันมีโอกาสฟื้นตัวได้ในระยะกลาง-ยาวจาก
- ผลประกอบการที่คาดว่าผ่านจุดต่ำสุดของรอบไปแล้ว และมีโอกาสกลับมาเติบโต YoY ได้ต่อเนื่อง ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
- เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรม Data Center และ AI ในสหรัฐฯ
จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะยาว