หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง BDMS ว่า แนวโน้มปี 2025 ยังสดใส กำไรเติบโตดีต่อเนื่อง
Event
สาระสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์วันที่ 11 มีนาคม มีรายละเอียดดังนี้
• แนวโน้มรายได้ 1Q25: BDMS คาดว่ารายได้จะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY จากทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ โดยในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ รายได้จากผู้ป่วยไทยเติบโต 5-6% YoY ส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติเติบโต 10-15% YoY
• ผลกระทบจากรอมฎอน: แม้เดือนมีนาคมอาจเห็นการชะลอตัวของลูกค้าตะวันออกกลาง เนื่องจากเทศกาลรอมฎอนที่เริ่มตั้งแต่ 2 มีนาคม (ปีก่อนอยู่ในไตรมาส 2) แต่เนื่องจากผู้ป่วยตะวันออกกลางในช่วง 2 เดือนแรกเติบโตถึง 25% YoY ทำให้แนวโน้มรายได้จากต่างประเทศใน 2Q25 คาดว่าจะยังเติบโตดี
• เป้าหมายรายได้ 1H25: บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 7-8% YoY โดยคาดว่ารายได้จากผู้ป่วยต่างชาติจะเติบโตเร็วกว่าผู้ป่วยไทย พร้อมตั้งเป้า EBITDA Margin ที่ 24-25% ด้วยกลยุทธ์ควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่าย
• ผลกระทบจากประกันสุขภาพแบบ Co-Payment: BDMS ประเมินว่าการปรับรูปแบบประกันสุขภาพเป็นแบบ Co-Payment จะกระทบเพียงเล็กน้อย โดยจะกระทบเฉพาะลูกค้าใหม่และผู้ป่วยที่รักษาโรคไม่รุนแรง ซึ่งคาดว่าผลกระทบต่อรายได้รวมไม่เกิน 1-2% อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลมองว่าเบี้ยประกันสุขภาพแบบ Co-Payment มีราคาถูกลง และอาจช่วยให้ประชาชนเข้าถึงระบบประกันของโรงพยาบาลเอกชนได้มากขึ้น
แผนขยายธุรกิจระยะยาว
• เพิ่มจำนวนเตียง: บริษัทมีแผนขยายจำนวนเตียงจดทะเบียนจาก 8,800 เตียง เป็น 9,600 เตียง ในช่วงปี 2027-2029 โดยมีงบลงทุน 8-10% ของรายได้ต่อปี
• โครงการ BDMS Wellness Langsuan: BDMS มีแผนลงทุนในโครงการ BDMS Wellness Langsuan มูลค่า 25,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูส (Mixed-use) ด้าน Wellness Real Estate ครบวงจร คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2030 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการยื่นรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
Our Take
• แนวโน้มผลประกอบการ 1Q25 เป็นบวก: คาดว่ากำไรจะเติบโต YoY จากทั้งผู้ป่วยไทยและต่างชาติ โดยผู้ป่วยไทยได้รับผลบวกจากโรคระบาดที่เพิ่มขึ้น และปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่ทำให้มีโรคทางเดินหายใจมากขึ้น ขณะที่ผู้ป่วยต่างชาติเติบโตโดดเด่นสวนทางคู่แข่ง จากการเติบโตของ Medical Tourism และการแย่งส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่ง
• คงประมาณการกำไรปี 2025: คาดการณ์กำไร 17,392 ล้านบาท (+9% YoY) จากการเติบโตของรายได้ทั้งจากผู้ป่วยในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่คาดว่าเติบโต Double Digit นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจาก ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (Center of Excellence – CoE) ที่ช่วยเพิ่มรายได้จากโรคซับซ้อน รวมถึงโรงพยาบาลใหม่ เช่น
o โรงพยาบาลสมิติเวช อินเตอร์เนชันแนล
o โรงพยาบาลพญาไท บ่อวิน
o โรงพยาบาลกรุงเทพ เชียงใหม่
• ผลกระทบจาก Co-Payment จำกัด: คาดว่าการปรับรูปแบบประกันสุขภาพเป็นแบบ Co-Payment ซึ่งเริ่มใช้เดือนมีนาคม 2025 จะมีผลกระทบจำกัด (ไม่เกิน 1-2% ของรายได้รวม)
• แนวโน้มการเติบโตใน 3 ปีข้างหน้า: คาดว่ารายได้จะเติบโตเฉลี่ย CAGR 6-8% โดยมีปัจจัยหนุนจาก:
1. การเติบโตของ ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (CoE) ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ต่อหัว
2. การเติบโตของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะ จีน, ตะวันออกกลาง, CLMV และยุโรป
3. การขยายฐานลูกค้าใหม่ เช่น ซาอุดีอาระเบีย และบังคลาเทศ
Investment View
• คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยเรามองว่าแนวโน้มผลประกอบการปี 2025 จะทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง
• คงมูลค่าพื้นฐานที่ 34.30 บาท อิง WACC 7.5%
• ราคาหุ้นยังถือว่าถูก ซื้อขายที่ระดับ -2SD จาก PE Band ย้อนหลัง 10 ปี
• มองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุน