CPALL คาดดีล 7-11 ญี่ปุ่น เกิดยาก โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 79.00 บาท

หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.เคจีไอ ระบุ CPALL บริษัทค้าปลีกญี่ปุ่นกำลังหาพันธมิตรร่วมลงทุน ครอบครัวที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Seven & I กำลังคุยกับเครือ Charoen Pokphand (CP) เพื่อหาพันธมิตรร่วมลงทุน โดยคาดว่าดีลนี้จะมีมูลค่าประมาณ 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ และจะเป็นดีลการเข้าซื้อกิจการโดยผู้บริหาร (management buyout) ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นเท่าที่เคยมีมา ซึ่ง NHK รายงานว่าจำนวนเงินลงทุนที่คาดว่าจะมาจาก CP จะเป็นวงเงินหลักแสนล้านเยน
Impact
 • เราพบว่าดีลนี้ค่อนข้างแพง เพราะจากข้อมูลของ Bloomberg คาดว่ากำไรสุทธิของ Seven & I Holdings Co., Ltd ในปี 2567F จะอยู่ที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์ฯ และปี 2568F จะอยู่ที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์ฯ คิดเป็น PER อิงตามประมาณการกำไรปี 2567F-2568F ที่ประมาณ 37X และ 46X จากวงเงินทุนรวมที่ 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ทั้งนี้ ราคาหุ้น CPALL คิดเป็น PER ที่ 19X ในขณะที่ PER เฉลี่ยของกิจการประเภทนี้ในตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 24.1X (Figure 3)
 • เรามองว่าดีลนี้จะมี synergy ค่อนข้างจำกัด เพราะ Seven & I Holdings ทำธุรกิจทั้งร้านสะดวกซื้อ / ห้าง Superstores / ห้างสรรพสินค้า / ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง
• ทั้งเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ CPALL ซึ่งมีการกล่าวถึง และถูกคาดการณ์ว่าจะเกี่ยวข้องกับดีลนี้ไม่ได้ออกมาตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ CPALL แจ้ง SET ว่าบริษัทดำเนินการตามนโยบายการลงทุนที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ โดยการพิจารณาข้อเสนอการลงทุนใด ๆ บริษัทจะดำเนินการด้วยความรอบคอบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท
 • จากการศึกษาของเรา พบว่าดีลขนาดนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ซึ่งจะเป็นการจำกัดส่วนการลงทุนของบริษัท โดยเราประเมินแนวทางการลงทุนเป็นสาม scenario ดังนี้:
Scenario 1: บริษัทใช้เงินกู้จากธนาคารทั้ง 100% ซึ่งตาม scenario นี้ มูลค่าการลงทุนสูงที่สุดจะอยู่ที่ประมาณ 3 แสนล้านบาท (15% ของการลงทุนรวม) ซึ่งการกู้เงินที่ระดับนี้จะทำให้สัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ปรับแล้ว (net debt to adjusted equity) จาก 0.8X เป็น 1.8X (สัดส่วนสูงสุดตาม bond covenant อยู่ที่ 2.0X) ตาม scenario นี้ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น (ใช้สมมติฐานต้นทุนการก่อหนี้ที่ 4% ต่อปี) จะมีน้ำหนักมากกว่าส่วนแบ่งกำไรที่คาดว่าจะได้รับ และจะทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2568F ของเรามี downside 12%

 Scenario 2: บริษัทใช้เงินกู้จากธนาคาร 85% และใช้เงินอีก 15% จากการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน (perpetual bond) ซึ่งในการที่จะรักษาระดับการลงทุนที่ 15% (เท่ากับใน scenario 1) การใช้เงินทุนจากการออก perpetual bond และการกู้ธนาคารจะทำให้สัดส่วน net debt to adjusted equity อยู่ที่ 1.4X ในขณะที่กำไรสุทธิรวมจะกระทบกับกำไรสุทธิรวมประมาณ 15% เพราะอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจาก perpetual bond (เราใช้สมมติฐานที่ 5% ต่อปี)
Scenario 3: เพิ่มทุน โดยการเพิ่มทุนและการกู้เงินจากธนาคารจะทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะไปหักล้างกับส่วนแบ่งกำไรจาก Seven & I Holdings Co., Ltd ที่ระดับ 30:70 ซึ่งในการที่จะรักษาระดับการลงทุนที่ 15% (เท่ากับใน scenario 1&2) บริษัทต้องเพิ่มทุน 8.87 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเงินทุนชำระแล้วในปัจจุบันที่ 8.9 พันล้านบาทอย่างมาก

  เนื่องจากดีลมีขนาดใหญ่มาก ทำให้มีทั้งข้อจำกัดในส่วนที่เกี่ยวกับ bond covenant และจะส่งผลกระทบต่อกำไร เราจึงคาดว่าดีลนี้น่าจะเกิดขึ้นได้ยาก โดยในการที่จะจำกัดผลกระทบต่อกำไร สัดส่วนการลงทุนจะต้องน้อยมาก ๆ (น้อยกว่า 5%) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำไรประมาณ 2-3% (Figure 2)
Valuation and Action

เราแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 79.00 บาท อิงจาก PER ที่ 27.0X (ค่าเฉลี่ยในอดีตระหว่างหุ้นกลุ่มนี้ในประเทศไทยและในต่างประเทศ -0.5 S.D.) Risks
• เศรษฐกิจชะลอตัว
• ขยายสาขาใหม่ได้ช้ากว่าที่วางแผนเอาไว้
• Disruption จากเทคโนโลยีใหม่
• ถูกยกเลิกเครื่องหมายการค้า 7-Eleven
• ความเสี่ยงด้านโลจิสติกส์

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ERW ผู้พัฒนาลงทุนในธรุกิจโรงแรมชั้นนำ [HoonVision x FynnCorp]

ERW ผู้พัฒนาลงทุนในธรุกิจโรงแรมชั้นนำ [HoonVision x FynnCorp]

ADVANC ปี67 กำไรพุ่ง3.5หมื่นล้าน อนุมัติปันผลที่5.74 บ.ต่อหุ้น XD 20 ก.พ.68

ADVANC ปี67 กำไรพุ่ง3.5หมื่นล้าน อนุมัติปันผลที่5.74 บ.ต่อหุ้น XD 20 ก.พ.68

THCOM ปี67 ขาดทุน 23ล้านบาท จากเงินบาทแข็งค่า แต่กำไรหลักธุรกิจดาวเทียมแข็งแกร่ง

THCOM ปี67 ขาดทุน 23ล้านบาท จากเงินบาทแข็งค่า แต่กำไรหลักธุรกิจดาวเทียมแข็งแกร่ง

BGRIM ราคาหุ้นมีอัพไซด์ คาดกำไรไตรมาส1/68 ที่ 400ล.

BGRIM ราคาหุ้นมีอัพไซด์ คาดกำไรไตรมาส1/68 ที่ 400ล.

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด