“Jurassic World” มา! ดึงเม็ดเงินท่องเที่ยวต่างชาติ


          หุ้นวิชั่น – โครงการ “Jurassic World: The Experience” โครงการมูลค่า 1,200 ล้านบาท ของ AWC ตั้งเป้าปั้นเป็นศูนย์กลางความบันเทิงระดับโลกแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นักวิเคราะห์มองบวก คาดช่วยหนุนภาคท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว ดึงเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ กระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง

          นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า มีมุมมองบวกต่อการลงทุนในโครงการ “Jurassic World: The Experience” ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของประเทศไทยและเป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับมุมมองเชิงบวกต่อภาคการท่องเที่ยว คาดว่าจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติและกระตุ้นเม็ดเงินไหลเข้าประเทศ

          บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) (AWC) ถูกมองว่าเป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการลงทุนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามว่าโครงการนี้จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติได้มากเพียงใด รวมถึงระยะเวลาการก่อสร้างที่จะส่งผลต่อความคืบหน้าของโครงการ

          นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการ ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบอร์ดบีโอไอ ได้อนุมัติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนโครงการสร้างแหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่ “Jurassic World: The Experience” ของบริษัท แอสเสท เวิรด์ แอทแทรคชั่น แอนด์ รีเทล จำกัด บริษัทในเครือของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร โดยโครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนกว่า 1,200 ล้านบาท บนพื้นที่ 4,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในโครงการ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยบริษัทจะพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวดังกล่าวให้เป็นแลนด์มาร์กใหม่ของกรุงเทพฯ และประเทศไทย

          โครงการดังกล่าวถือเป็นการลงทุนสร้างศูนย์กลางการท่องเที่ยวและความบันเทิงระดับโลกโดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของไทย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากแฟรนไชส์ภาพยนตร์ชื่อดัง “Jurassic World” จาก Universal Pictures และ Amblin Entertainment ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสร้างไดโนเสาร์แอนิมาทรอนิกส์ที่มีการเคลื่อนไหวเสมือนจริง โดยใช้นวัตกรรมการออกแบบ 3 มิติ และใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ควบคุมการเคลื่อนไหว เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่สมจริงมากที่สุด ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะแฟนคลับคนรักไดโนเสาร์ที่มีอยู่ทั่วโลก โดยโครงการนี้ถือเป็นประสบการณ์ความบันเทิงรูปแบบอิมเมอร์ซีฟที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก และเป็นแห่งแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

          “ภาคการท่องเที่ยว ถือเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและนำเงินเข้าสู่ประเทศไทย โดยปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากกว่า 35 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 1.67 ล้านล้านบาท ในการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฮับการท่องเที่ยวของภูมิภาค เราจำเป็นต้องเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวให้พร้อม ทั้งด้านบุคลากร คุณภาพของการบริการ โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การจัดกิจกรรมนานาชาติหรืออีเวนต์ขนาดใหญ่ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ รวมทั้งการสร้างแหล่งท่องเที่ยวแบบ Man-made ที่จะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของประเทศ” นายนฤตม์ กล่าว

          ทั้งนี้ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2558 – 2567) บีโอไอได้ส่งเสริมลงทุนกิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจำนวน 209 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 2 แสนล้านบาท ครอบคลุมทั้งกิจการโรงแรม ศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่ ศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมไทย กิจการมหกรรม ดนตรี กีฬา และเทศกาลนานาชาติ รวมทั้งกิจการสวนสนุก

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ERW ผู้พัฒนาลงทุนในธรุกิจโรงแรมชั้นนำ [HoonVision x FynnCorp]

ERW ผู้พัฒนาลงทุนในธรุกิจโรงแรมชั้นนำ [HoonVision x FynnCorp]

ADVANC ปี67 กำไรพุ่ง3.5หมื่นล้าน อนุมัติปันผลที่5.74 บ.ต่อหุ้น XD 20 ก.พ.68

ADVANC ปี67 กำไรพุ่ง3.5หมื่นล้าน อนุมัติปันผลที่5.74 บ.ต่อหุ้น XD 20 ก.พ.68

THCOM ปี67 ขาดทุน 23ล้านบาท จากเงินบาทแข็งค่า แต่กำไรหลักธุรกิจดาวเทียมแข็งแกร่ง

THCOM ปี67 ขาดทุน 23ล้านบาท จากเงินบาทแข็งค่า แต่กำไรหลักธุรกิจดาวเทียมแข็งแกร่ง

BGRIM ราคาหุ้นมีอัพไซด์ คาดกำไรไตรมาส1/68 ที่ 400ล.

BGRIM ราคาหุ้นมีอัพไซด์ คาดกำไรไตรมาส1/68 ที่ 400ล.

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด