หุ้นวิชั่น – บล.หยวนต้า ประเมินหุ้น MAJOR หลังรายงานกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 33 ล้านบาท -90% QoQ, -76% YoY ดีกว่าประมาณการของเรา 70% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาด
รายได้รวม -40% QoQ และ -17% YoY เหลือ 1,419 ล้านบาท แบ่งตามธุรกิจ: รายได้จากภาพยนตร์ -44% QoQ และ -23% YoY เนื่องจากภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่จากฝั่งฮอลลีวูดในไตรมาสนี้กระแสไม่ค่อยดี ทำรายได้ต่ำกว่าที่คาด อาทิ Captain America: Brave New World และ Snow White เทียบปีก่อนที่มีภาพยนตร์ทำเงินมากกว่า ขณะที่รายได้จากการขายอาหารและป๊อปคอร์น -44% QoQ, -29% YoY ชะลอตัวตามรายได้ภาพยนตร์และบริษัท ยกเลิกโปรโมชั่นลดราคา ซึ่งปีก่อนมีรายการโปรโมชั่นขายผ่าน Shopee ส่วนรายได้จากธุรกิจโฆษณาอยู่ที่ 209 ล้านบาท ทรงตัว YoY ขณะที่รายได้จากขายลิขสิทธิ์ -59% QoQ, +122% YoY เป็น 43 ล้านบาท
เทียบ YoY ประสิทธิภาพในการทำกำไรลดลง โดย EBITDA margin ปรับลดลงจาก 33.3% ใน 4Q24 และ 23.1% ใน 1Q24 เหลือ 22.7% ตามการปรับลดลงของรายได้ และมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 2%
Our Take
เราคาดผลประกอบการใน 2Q25 ฟื้นตัว QoQ แต่เทียบ YoY ยังมีโอกาสชะลอตัวต่อ แม้จะมีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เข้าฉายมากขึ้น อาทิ Mission Impossible 8, Thunderbolts แต่เทียบปีก่อนที่มีภาพยนตร์ฟอร์มดีหลายเรื่องที่ทำรายได้ทะลุ 100 ล้านบาท อาทิ หลานม่า, อนงค์, Godzilla vs Kong และ Inside Out 2
เราคาดรายได้จากภาพยนตร์จะพลิกกลับมาเติบโต YoY ในช่วง 2H25 ซึ่งมีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่จากฝั่งฮอลลีวูดที่กระแสดีรอเข้าฉายหลายเรื่อง มากกว่าเมื่อเทียบปีก่อน ได้แก่ Avatar 3, Superman, Fantastic 4, Jurassic World และภาพยนตร์ไทยภาคต่อที่แนวโน้มดีหลายเรื่อง ได้แก่ ธี่หยด 3, อีเรียมซิ่ง 2 และ อนงค์ 2 สำหรับธุรกิจอื่นๆ คาดจะฟื้นตัวดีกว่าครึ่งปีแรก อาทิ ธุรกิจป๊อปคอร์นที่เลิกใช้กลยุทธ์ปรับลดราคา และหาช่องทางการขายใหม่ๆ มากขึ้น ส่วนรายได้โฆษณาคาดว่าดีขึ้น เนื่องจากภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เข้าฉายมากขึ้นกว่าทั้งครึ่งปีแรกและปีก่อน
ประเด็นข่าวที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 100% สำหรับภาพยนตร์ที่ผลิตนอกประเทศสหรัฐฯ เรามองเป็น Sentiment ลบต่อหุ้น MAJOR ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงจาก
-
ภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่ถ่ายทำในต่างประเทศอาจลดลงหรือชะลอการผลิตเนื่องจากผลกระทบของภาษี
-
หากสตูดิโอสหรัฐฯ ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นหรือถูกตอบโต้จากประเทศอื่น ก็อาจส่งผลให้ค่าลิขสิทธิ์ในการนำภาพยนตร์เข้าฉายในต่างประเทศแพงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวยังไม่ได้เกิดขึ้น ต้องติดตามต่อไป
ในทางปัจจัยพื้นฐาน เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” เรามองว่าราคาหุ้นปรับลดลงสะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอไปแล้ว โดยคาดว่ากำไรจะกลับมาเติบโตในช่วง 2H25 โดยเราคงมูลค่าพื้นฐานที่ 13.50 บาท อิงวิธี DCF สมมติฐาน WACC ที่ 8.2% และ Terminal growth 2%