PTTGC ถึงจุดฟื้น กำไร Allnex หนุน

           หุ้นวิชั่น – โบรกเผย แนวโน้ม PTTGC เริ่มฟื้นในปี 2568 หนุนจากต้นทุนวัตถุดิบอีเทนที่แข่งขันได้ และ EBITDA margin ที่ดีขึ้นในธุรกิจโอเลฟินส์ – โพลิเมอร์ พร้อมหนุนด้วยกำไรจาก allnex และขาดทุนที่ลดลงจาก Vencorex ด้านราคาหุ้นปัจจุบันมีส่วนลดสูง เทรด PBV เพียง 0.3 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่สถานะการเงินยังแข็งแกร่ง คงคำแนะนำ “Outperform” เคาะเป้า 29 บาท/หุ้น

           บริษัท หลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด พรีวิว 1Q68: คาดขาดทุนลดลง มุมมองเชิงลบที่ตลาดมีต่ออุตสาหกรรมปิโตรเคมียังคงกดดันราคาหุ้น PTTGC อย่างต่อเนื่อง โดยปรับตัวลดลง 27% YTD เทียบกับ SET ที่ลดลง 17% เรามองว่า valuation ปัจจุบันมีส่วนลดค่อนข้างมาก ที่ PBV (ปี 2568) เพียง 0.3 เท่า และ PBV (หลังหักค่าความนิยมและสินทรัพย์ไม่มีตัวตน) ที่ 0.6 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดภูมิภาคที่ 0.7 เท่า นอกจากนี้สถานะทางการเงินก็ยังแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ 0.7 เท่า

           คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวในปี 2568 จากต้นทุนวัตถุดิบที่แข่งขันได้มากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณวัตถุดิบอีเทนที่เพิ่มขึ้นจาก PTT แม้ว่าจะยังคงมีผลขาดทุนใน ไตรมาส 1/258 คงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ PTTGC โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 29 บาท/หุ้น อ้างอิง PBV (ปี 2568) ที่ 0.5 เท่า (-1.5SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปี) หรือเท่ากับ EV/EBITDA ที่ 6.3 เท่า

คาดขาดทุนลดลงใน 1Q68

           คาดว่าผลประกอบการของ PTTGC จะยังคงมีตัวเลขติดลบในไตรมาส 1/2568 (ประกาศ 9 พ.ค.) โดยจะมีขาดทุนสุทธิ 2.9 พันล้านบาท แต่ดีกว่าขาดทุนสุทธิ 1.17 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 4/2567 ค่อนข้างมาก โดยได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่ดีขึ้นจากธุรกิจโอเลฟินส์และโพลิเมอร์ และธุรกิจ performance chemicals

           คาดว่าปริมาณวัตถุดิบอีเทนที่เพิ่มขึ้น (~38% ของวัตถุดิบทั้งหมดสำหรับโรงโอเลฟินส์แครกเกอร์) จะช่วยหนุนให้ EBITDA margin ของธุรกิจโอเลฟินส์และโพลิเมอร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นใน ไตรมาส 1/2568 โดยมีอัตราการใช้กำลังการผลิตในระดับทรงตัว จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่คาดว่าค่าการกลั่นจะลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า ในอัตราที่ช้ากว่าค่าการกลั่นตลาดสิงคโปร์ เนื่องจากค่าการกลั่นของ PTTGC ได้รับผลกระทบจากการปิดซ่อมบำรุงใน ไตรมาส 4/2567 ผลประกอบการของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันจะอยู่ในระดับทรงตัว จากไตรมาสก่อนหน้า แม้ว่าค่าการกลั่นจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากปริมาณน้ำมันดิบนำเข้ากลั่นที่สูงขึ้นหลังจากปิดซ่อมบำรุงตามแผนใน ไตรมาส 4/2567 เนื่องจากจะมีกำไรสต๊อกและการป้องกันความเสี่ยง ซึ่งจะถูกลดทอนโดยกำไรจากธุรกิจอะโรเมติกส์ที่ลดลงจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนแอ

           ปริมาณขายที่สูงขึ้นที่ allnex จะช่วยสนับสนุนกำไรของธุรกิจ performance chemicals อุปสงค์ที่อ่อนแอตามฤดูกาลใน ไตรมาส 4/2567 จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ปริมาณขายเติบโต 4% QoQ ใน ไตรมาส 1/2568 นอกจากนี้ปริมาณขายที่สูงขึ้นยังจะช่วยให้ EBITDA margin กลับสู่ระดับปกติที่ >10% เทียบกับ 9% ใน 4Q67 ด้วย อุตสาหกรรมก่อสร้างและยานยนต์ยังคงเป็นส่วนสำคัญของปริมาณการขายของ allnex โดยคิดเป็น 31% และ 28% ของรายได้จากการขายทั้งหมด ตามลำดับ

           นอกจากนี้คาดว่าผลขาดทุนจาก Vencorex จะลดลง เนื่องจากยังคงมีการดำเนินการตามกระบวนการปรับปรุงโครงสร้างทางธุรกิจในชั้นศาลตามกฎหมายของประเทศฝรั่งเศสใน ไตรมาส 1/2568 โดยที่เราคาดว่าจะมีผลขาดทุนในรูป EBITDA ที่ 850 ล้านบาท น้อยกว่า >1 พันลบ. ใน ไตรมาส 4/2567 กระบวนการปรับปรุงโครงสร้างทางธุรกิจในประเทศฝรั่งเศสคาดว่าจะแล้วเสร็จใน ไตรมาส 2/2568 ดังนั้นจะไม่มีผลขาดทุนตั้งแต่ ไตรมาส 3/2568 เป็นต้นไป มีเพียงสินทรัพย์ในประเทศไทยและสหรัฐฯ ที่จะถูกนำออกมาขาย ซึ่งจะทำให้มีกำไรจากการขายสินทรัพย์บางส่วน เนื่องจากสินทรัพย์ทั้งหมดของ Vencorex ถูกบันทึกค่าเผื่อการด้อยค่าแล้วในปี 2567

คงคำแนะนำ OUTPERFORM ด้วยราคาเป้าหมาย 29 บาท

           อ้างอิง PBV 0.5 เท่า เนื่องจากเราคาดว่าผลประกอบการของ PTTGC จะฟื้นตัวในปี 2568 โดยได้แรงหนุนจากมาร์จิ้นที่ดีขึ้นของธุรกิจโอเลฟินส์และโพลิเมอร์และกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจ performance chemicals เราจึงมองว่า valuation ปัจจุบันสำหรับปี 2568 ที่ EV/EBITDA 5.7 เท่า และ PBV 0.3 เท่า (0.6 เท่าหลังหักค่าความนิยมและสินทรัพย์ไม่มีตัวตน) ดูน่าสนใจเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดภูมิภาคที่ 9.7 เท่า และ 0.7 เท่า ตามลำดับ ราคาเป้าหมายที่ 29 บาท อิงกับ PBV (ปี 2568) ที่ 0.5 เท่า (-1.5SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปี) หรือเท่ากับ EV/EBITDA (ปี 2568) ที่ 6.3 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดภูมิภาค

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ:
1. ราคาน้ำมันดิบและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ผันผวนของธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจปิโตรเคมี
2. ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากวัตถุดิบก๊าซที่ลดลง
3. รายการด้อยค่าของสินทรัพย์
4. การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (<3% ของกำลังการผลิต)

           ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ ผลกระทบของธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและเศรษฐกิจหมุนเวียน

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

KCE กำไร Q1/68 ลดเหลือ 229.8 ลบ. รายได้หด-เงินบาทแข็งค่า-ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อ

KCE กำไร Q1/68 ลดเหลือ 229.8 ลบ. รายได้หด-เงินบาทแข็งค่า-ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อ

SNNP กำไร Q1 มาตามนัด แนะ “ซื้อ” เป้า 17 บาท

SNNP กำไร Q1 มาตามนัด แนะ “ซื้อ” เป้า 17 บาท

SAPPE กำไร Q1/68 ที่ 224 ลบ. เชื่อธุรกิจเริ่มฟื้นตัวครึ่งปีหลัง

SAPPE กำไร Q1/68 ที่ 224 ลบ. เชื่อธุรกิจเริ่มฟื้นตัวครึ่งปีหลัง

ภาษี US กระทบโรงแรมน้อย ทำไม ERW-SHR น่าสนใจ

ภาษี US กระทบโรงแรมน้อย ทำไม ERW-SHR น่าสนใจ

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด