หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง TASCO ว่า คาดกำไร 4Q24 โตเด่น YoY คาดกำไรปกติ 4Q24 เติบโต 165% YoY คาดกำไรปกติ 4Q24 ที่ 586 ล้านบาท ลดลง 29% QoQ แต่เติบโตเด่น 165% YoY โดยกำไรปกติลดลง QoQ เพราะถูกกดดันจาก 1) คาดปริมาณขายยางมะตอยรวมที่คาดลดลงมาอยู่ที่ 3.2 แสนตัน (-4% QoQ, +28% YoY) หลังผ่านช่วงของการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในช่วง 3Q24 (ปัจจุบันอยู่ในช่วงต้นของปีงบประมาณทำให้หน่วยงานต่างๆ ยังไม่ได้มีการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างเต็มที่) และ 2) คาดอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจยางมะตอยลดลงเป็น 13.8% จากระดับ 16.4% ในช่วง 3Q24 (ตามสัดส่วนการขายยางมะตอยในประเทศที่ลดลงตามฤดูกาล)
ขณะที่ YoY คาดกำไรปกติสามารถเติบโตได้โดดเด่นจากฐานที่ต่ำ เพราะได้แรงหนุนจากปริมาณขายยางมะตอยที่ฟื้นตัว (เนื่องจากช่วง 4Q24 เป็นช่วงที่การอนุมัติงบประมาณฯ ล่าช้า) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัวตามสัดส่วนการขายยางมะตอยในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน หากกำไรปกติออกมาใกล้เคียงคาด กำไรปกติจะคิดเป็นสัดส่วน 93% ของกำไรทั้งปี
แนวโน้มกำไรช่วง 1Q-2Q25 จะสามารถเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ได้ต่อเนื่อง เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 1Q25 ที่ระดับ 600-700 ล้านบาท เติบโตทั้ง QoQ และ YoY หลังได้แรงหนุนจากปริมาณขายยางมะตอยที่คาดทรงตัวอยู่ในระดับ 3.2 แสนตันได้ต่อเนื่อง แม้ออกจากช่วง High Season ของธุรกิจในต่างประเทศ จากการเริ่มเข้าสู่ช่วง Working Season ของตลาดในประเทศ (หนุนปริมาณขายยางมะตอยในประเทศ) และอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจยางมะตอยฟื้นตัวกลับมาที่ราว 14.0-15.0% จากราว 6.8% ใน 1Q24 หากมองไปช่วง 2Q25 คาดกำไรปกติของ TASCO จะสามารถเติบโต QoQ และ YoY ได้ต่อเนื่องจากปริมาณขายที่มีแนวโน้มเติบโตทั้ง QoQ และ YoY หลังเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจในประเทศและอุปสงค์ของยางมะตอยในต่างประเทศฟื้นตัวหลังผ่านช่วงวันหยุดตรุษจีน
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาค่าเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ที่ 22.40 บาท/หุ้น เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2025 ที่ 1,999 ล้านบาท เติบโต 5% YoY และคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ที่ 22.40 บาท/หุ้น มี Upside 25.8% โดยเรามองว่าหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวได้ในระยะกลาง-ยาว จาก 1) ผลประกอบการที่คาดผ่านจุดต่ำสุดของรอบไปแล้วในช่วง 1H24 2) ราคาน้ำมันในปี 2025 ที่มีแนวโน้มทรงตัวต่อเนื่องจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจยางมะตอยมีแนวโน้มทรงตัวต่อเนื่องเช่นกัน (ความผันผวนของต้นทุนน้ำมันลดลง) และ 3) การลงทุนเชิงโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของภาครัฐ (เช่น โครงการทางหลวงพิเศษและโครงการสร้างเมืองการบินอู่ตะเภา เป็นต้น) ที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนอุปสงค์ยางมะตอยในประเทศในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”