หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า ระบุ Thai Life Insurance (TLI) เปิดรายงานผลกระทบจากมาตรฐานบัญชีใหม่ ภาพรวมถือว่าดีกว่าคาด
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา TLI ได้เปิดเผยผลกระทบจากการปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS17 และ TFRS9 (ปรับใช้เต็มรูปแบบ) สำหรับงบการเงินปี 2024 ซึ่งเรามองว่ามีประเด็นน่าสนใจดังนี้
1. กำไรสุทธิในปี 2024 ถูกปรับขึ้น 14% จากเดิม 11,682 ลบ. เป็น 13,369 ลบ. เนื่องจากภายใต้มาตรฐานบัญชีใหม่ บริษัทมีกำไรจากการรับประกันภัยและกำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้น 980 ลบ. และ 707 ลบ. ตามลำดับ
2. บริษัทมีกำไรจากการให้บริการตามสัญญา (CSM) เทียบกับหนี้สินจากสัญญาประกันภัย 21.8% และมีอัตราการรับรู้กำไรจาก CSM (CSM Release Rate) ที่ 11.6% สูงกว่าคาดที่ 10% และ 9% ซึ่งเป็นส่วนที่จะทยอยสร้างกำไรให้กับบริษัทในอนาคต และมีความผันผวนต่ำ
3. TLI มีมูลค่าของ CSM รวมกับส่วนของผู้ถือหุ้นสูงถึง 195,067 ลบ. คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้นที่ 17 บาท สูงกว่า Embedded Value ต่อหุ้นที่ 15.80 บาท และสูงกว่าราคาหุ้นในปัจจุบันที่ 12.30 บาท สะท้อนว่าราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าของกิจการอยู่มาก
- ปรับกลยุทธ์ ลดความผันผวนของสินทรัพย์เพื่อการลงทุน
บริษัทใช้นโยบายบริหารสินทรัพย์เพื่อการลงทุนแบบอนุรักษ์นิยม โดยหลังจากปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ TLI ไม่มีตราสารทุนที่วัดมูลค่าผ่านงบกำไรขาดทุน (FVTPL) เลย มีเพียงตราสารหนี้ และหน่วยลงทุนกองทุนตราสารหนี้ 43,661 ลบ. ที่วัดมูลค่าเข้างบกำไรขาดทุน ซึ่งมีความผันผวนต่ำ ทำให้แนวโน้มกำไรจากเงินลงทุนจะผันผวนน้อยลงมาก
นอกจากนี้บริษัทมีตราสารหนี้ที่วัดมูลค่าผ่านงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น (FVTOCI) คิดเป็น 107.5% ของหนี้สินจากสัญญาประกันภัยที่จะถูกวัดมูลค่าผ่านงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นเช่นกัน
ดังนั้น ผลกระทบส่วนใหญ่จากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลงและทำให้หนี้สัญญาประกันภัยสูงขึ้น ที่เดิมจะต้องมีการตั้งสำรองสำหรับสัญญาประกัน ภายใต้มาตรฐานบัญชีใหม่จะถูกชดเชยด้วยมูลค่าตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ทิศทางดอกเบี้ยที่ปรับลงไม่ส่งผลต่องบการเงินมากเหมือนในอดีต
- คาดกำไรปี 2025 ลดลงจากฐานสูง แต่กำไรจากการรับประกันคาดโตต่อเนื่อง
เราปรับประมาณการของ TLI เพื่ออิงกับมาตรฐานบัญชีใหม่ โดยคาดกำไรสุทธิปี 2025 ที่ 12,194 ลบ. แม้ลดลง 8.8% YoY จากฐานสูงในปีก่อนที่มีบันทึกกำไรจากเงินลงทุนมากกว่าปกติ (ราว 5,447 ลบ. จากปกติที่ 2-3,000 ลบ.) เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะกับมาตรฐานบัญชีใหม่
แต่หากพิจารณาที่กำไรจากการรับประกันภัย คาดจะเห็นการเติบโตที่มีความต่อเนื่อง และขยายตัวได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามเบี้ยประกันรับที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ที่ลดลง ส่วนปี 2026–2028 คาดโตเฉลี่ยปีละ 4%
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” มองเป็น Defensive Stock มากขึ้น คาด Div. Yield 3.7%
เรามองว่า TLI จะกลายเป็นหุ้นที่มีลักษณะ Defensive มากขึ้น เพราะกำไรจากการรับประกันจะเป็นการทยอยรับรู้ตามมาตรฐานบัญชี ขณะที่กำไรจากการลงทุนจะไม่ส่งผลอย่างมีนัยต่องบกำไรขาดทุนเหมือนในอดีต
ทำให้เรามองว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่แข็งแรงและสามารถเติบโตได้ในระยะยาว อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 15.4% จากมูลค่าพื้นฐานเดิมปี 2025 ที่ 14.20 บาท และคาด Div. Yield 3.7%