หุ้นวิชั่น – TTB กำไรปี 2567 ที่ 21,031 ลบ. เติบโต 13% ใกล้เคียงนักวิเคราะห์คาด โบรกชอบ TTB และคาดปี 2568 ยังมีโอกาสที่กำไรเติบโตต่อเนื่อง ยังเป็นหุ้นที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงคาดปันผลทั้งปีสูงถึง 6.5% ต่อปี คาดจะจ่ายปันผลสำหรับงวด 2H67 อีก @ 0.055 บาท แนะนำ ซื้อลงทุน ราคาเป้าหมาย 2.20 บาท
ธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีทีบี) รายงานสำหรับผลประกอบการ ปี 2567 ภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังคงฟื้นตัวแบบ K-Shaped และการเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง กลุ่มธนาคารจึงยังคงเน้นความระมัดระวังในการดำเนินงานและการเติบโตทางธุรกิจ อย่างไรก็ดี ธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีทีบี) สามารถรับมือกับความท้าทายได้เป็นอย่างดีตลอดปี 2567 และมีผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ สำหรับปี 2567 ทีทีบีรายงานกำไรสุทธิที่ 21,031 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 YoY) หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ร้อยละ 9.0 โดยธนาคารยังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์หลัก 4 ด้าน ซึ่งช่วยหนุนการเติบโตของผลประกอบการและสร้างฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
• ด้านรายได้: ธนาคารยังคงยึดหลักการเติบโตสินเชื่ออย่างมีคุณภาพและการบริหารจัดการสินทรัพย์และหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาอัตรากำไรท่ามกลางการเติบโตที่ยังชะลอตัวและแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากการพัฒนาศักยภาพด้านดิจิทัลและ Ecosystem ต่างๆ เพื่อกระตุ้นรายได้ค่าธรรมเนียมที่ไม่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อ
• ด้านประสิทธิภาพ: ยังคงเน้นย้ำการมีวินัยด้านค่าใช้จ่าย ผ่านการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน รวมถึงการบริหารจัดการสาขา
• ด้านคุณภาพสินทรัพย์: เสริมความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในเชิงรุกและปรับลดระดับความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อ เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคต
• ด้านการบริหารส่วนทุน: บริหารการใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น ควบคู่ไปกับการรักษาความแข็งแกร่งของระดับเงินกองทุน
ทีทีบียังคงมุ่งมั่นต่อเป้าหมายระยะยาวที่ได้วางไว้ รวมไปถึงเป้าหมายระยะกลางที่ต้องการเพิ่ม ROE สู่ระดับร้อยละ 10 ทั้งนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินและการดำเนินการตามแผนงานอย่างเคร่งครัด ธนาคารจึงมีความยืดหยุ่นและพร้อมที่จะปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพื่อสร้างการเติบโตและส่งผ่านผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน
ผลการดำเนินงานที่สำคัญในปี 2567
ดำเนินการปรับพอร์ตสินเชื่อไปยังสินเชื่อรายย่อยกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงได้ตามเป้าหมาย: ธนาคารยังคงเน้นย้ำการสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน ดังนั้นจึงยังคงเติบโตสินเชื่ออย่างระมัดระวังเพื่อรักษาคุณภาพของพอร์ต ขณะเดียวกันก็เพิ่มประสิทธิภาพการใช้เงินทุน โดยหมุนเวียนสภาพคล่องจากสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนต่ำไปเติบโตในกลุ่มสินเชื่อรายย่อยที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทน ทั้งนี้ ท่ามกลางการเติบโตสินเชื่อที่ยังชะลอตัว สินเชื่อรายย่อยกลุ่มเป้าหมายยังคงขยายตัวได้ดี ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อรถแลกเงิน (Cash Your Car) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 YTD สินเชื่อบ้านแลกเงิน (Cash Your Home) เติบโตร้อยละ 12 YTD สินเชื่อส่วนบุคคล เติบโตร้อยละ 10 YTD และสินเชื่อบัตรเครดิตเติบโตร้อยละ 7 YTD ช่วยหนุนอัตราผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อ
ปรับโครงสร้างและระยะเวลาของเงินฝากในเชิงรุก: เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ทีทีบีได้ดำเนินการปรับโครงสร้างเงินฝากล่วงหน้าเพื่อบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อรักษาส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย ทั้งนี้ จากก่อนหน้าที่ธนาคารใช้เงินฝากประจำระยะยาวเป็นเงินฝากเชิงกลยุทธ์ในการเพิ่มฐานเงินฝากในช่วงของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ธนาคารได้เริ่มปรับมานำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำระยะสั้นลงเพื่อให้สอดคล้องกับวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ควบคู่ไปกับการขยายฐานเงินฝากต้นทุนต่ำ เช่น ttb all free และเงินฝากกลุ่ม CASA
กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น หนุนโดยการควบคุมต้นทุนทางการเงินที่ดี การบริหารต้นทุนในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดต้นทุนด้านความเสี่ยงซึ่งเป็นผลจากคุณภาพสินทรัพย์ที่อยู่ในเกณฑ์ควบคุม แม้ด้านรายได้จะยังเผชิญกับแรงกดดัน
ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ในปี 2567 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ร้อยละ 3.26 จากร้อยละ 3.24 ในปี 2566 เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งเป็นผลจากการบริหารต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ การปรับสัดส่วนสินเชื่อไปยังสินเชื่อกลุ่มเป้าหมายที่ให้ผลตอบแทนดีขึ้น และแผนการบริหารสภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ระบุถึง TTB กำไร 4Q67 และกำไรทั้งปี 67 ถือว่าออกมาใกล้เคียงคาดอย่างมาก ซึ่ง TTB ยังสามารถทำได้ตามกลยุทธ์ที่ได้ตั้งไว้ ยังชอบ TTB และคาดปี 2568 ยังมีโอกาสที่กำไรยังเติบโตต่อเนื่องได้ นอกจากนี้ยังเป็นหุ้นที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงคาดปันผลทั้งปีสูงถึง 6.5% ต่อปี โดยคาดจะจ่ายปันผลสำหรับงวด 2H67 อีก @ 0.055 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนราว 3% บวกราคายังมี upside แนะนำ ซื้อลงทุน BUY, TP: 2.20 บาท