หุ้นวิชั่น – รู้หรือไม่! AKR หรือ บริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจมากว่า 43 ปี และเป็นบริษัทที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดในผลิตภัณฑ์หม้อแปลงไฟฟ้าเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน
AKR ประกอบธุรกิจผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าและบริการซ่อมบำรุงรักษา รับออกแบบติดตั้งรวมทั้งก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย รวมทั้งผลิตและจำหน่ายเซลล์แสงอาทิตย์และแผงเซลล์แสงอาทิตย์ และให้บริการออกแบบและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ AKR มาจากการขายสินค้าหม้อแปลง 79.50% งานบริการ 11.90% Solar Cell 6.34% ขายไฟฟ้า 1.53% และอื่นๆ 0.73%
นายดนุชา น้อยใจบุญ กรรมการ บริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ AKR เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าและบริการซ่อมบำรุงในปี 2568 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2567 โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตที่ 10% ใกล้เคียงกับปีนี้ ซึ่งการเติบโตหลักยังคงมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์หม้อแปลงไฟฟ้า ปัจจุบัน AKR มีงานในมือ (Backlog) มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งมอบในปี 2568
บริษัทเห็นแนวโน้มความต้องการหม้อแปลงไฟฟ้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากโปรเจ็กต์ต่าง ๆ อย่าง ในโปรเจ็กต์ One Bangkok ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน AKR ได้รับคำสั่งซื้อจากโครงการดังกล่าวมูลค่าเกือบ 200 ล้านบาท โดยบริษัทได้ทยอยรับรู้รายได้จากคำสั่งซื้อนี้ไปแล้วบางส่วนในไตรมาส 3/67 และส่วนที่เหลือจะรับรู้ในไตรมาส 4/67 และโปเจ็กต์จากการไฟฟ้า เป็นต้น
AKR ได้ขยายฐานตลาดส่งออกผ่านการผลิตแบบ OEM เพื่อตอบสนองคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้รับคำสั่งผลิตจากลูกค้าในออสเตรเลีย และปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าในสหรัฐอเมริกาเพื่อรับงาน OEM หม้อแปลงไฟฟ้าเพิ่มเติม โดยตลาดต่างประเทศถือเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญในอนาคต เนื่องจากมีแนวโน้มความต้องการใช้ไฟฟ้าและหม้อแปลงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น สำหรับสัดส่วนการส่งออกของ AKR ปัจจุบันอยู่ที่ 10% ของรายได้รวม หรือประมาณ 200 ล้านบาท
นายดนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) ของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ โรงผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ และการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ โดยคาดว่าในปี 2568 จะมีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นจากการทยอยดำเนินโครงการของภาครัฐ และการติดตั้งแผงโซลาร์จากภาคเอกชน โดยคาดว่าในปี 2568 จะมีกำลังผลิตจากโครงการของภาครัฐอีก 10 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาและติดต่องานจากลูกค้าภาครัฐ รวมถึง PPA จากภาคเอกชนอีก 10 เมกะวัตต์ ทำให้รวมกำลังผลิตที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2568 อยู่ที่ 20 เมกะวัตต์
รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision