[Vision Exclusive] MAJOR ธี่หยด 2 กระแสดี ดันงบ Q4 โต

          บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ก่อตั้งขึ้นในปี 2538 โดยนายวิชา พูลวรลักษณ์ ดำเนินธุรกิจหลักในการเป็นผู้ให้บริการจัดแสดงภาพยนตร์และให้บริการเกี่ยวกับความบันเทิง โดย MAJOR เป็นผู้ประกอบการอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ จากการขยายสาขาไปยังจุดต่างๆ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการทั่วกรุงเทพมหานคร ปริมณฑลและต่างจังหวัด ที่มีศักยภาพเพียงพอและคุ้มค่ากับการลงทุน ส่งผลให้ในปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่าร้อยละ 70 และรวมทั้งบริษัทฯ มีนโยบายการบริหารความเสี่ยงในด้านต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นอย่างชัดเจน เพื่อลดผลกระทบในด้านลบให้หมดไปหรือให้น้อยที่สุด เป็นการนำไปสู่ความเติบโตขององค์กรอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

          ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ได้คาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากภาพยนตร์ที่เข้าฉายหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือ “ธี่หยด 2” ซึ่งเริ่มฉายตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2024 โดยในช่วงวันที่ 14 ตุลาคม 2567 ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ไปแล้วกว่า 270 ล้านบาท (ในส่วนของโรงภาพยนต์ของ MAJOR) หากรวมทั้งหมดคาดว่า รายได้รวมถึง 350 ล้านบาท  นอกจากี้  MAJOR จะได้รับรายได้เพิ่มเติมอีก 25% จากการจัดการสตูดิโอของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ร่วมดำเนินการกับช่อง 3

          นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์ดังที่จะเข้าฉายในไตรมาสนี้ เช่น “Venom: The Last Dance” และ “วัยเป้งนักเลงขาสั้น” ซึ่งทั้งสองเรื่องจะเข้าฉายในวันที่ 23 ตุลาคม 2024 คาดว่าจะช่วยผลักดันรายได้เพิ่มเติมในช่วงปลายไตรมาส 4/2567

          ในด้านการขยายตัว MAJOR มีแผนขยายหน้าจอฉายภาพยนตร์ปีนี้ 40-45 จอ ใน 12 แห่ง โดยใช้งบลงทุน (CAPEX) จำนวน 300 ล้านบาท  ซึ่งแผนการขยายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการเติบโตของความต้องการในการชมภาพยนตร์ในประเทศไทยและต่างประเทศ และช่วยเสริมสร้างรายได้ในอนาคต  ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีจอภาพยนต์จำนวนทั้งสิ้น 860 จอ แบ่งเป็น ประเทศเทศ 814 จอ กัมพูชา 33 จอ และลาว 14 จอ

นอกโรงภาพยนตร์

          ได้มีการเดินหน้า  POPCORN MAJOR โดยวางจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อทั่ว ประเทศ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกเหนือจากนี้ การเปิดโมเดลมินิคีออส (MINI KIOSK) เพื่อจับกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด เป็นการขยายช่องทางการสร้างรายได้และได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ทั้งนี้ บริษัทยังคงดำเนินตามแผนการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ อาทิเช่น การบริหารจัดการ สินค้า ค่าใช้จ่ายในการขาย การใช้นวัตกรรมด้านการประหยัดพลังงาน เพื่อช่วยลดต้นทุนการด าเนินงานของบริษัท รวมถึงการปรับโครงสร้างต้นทุนทางการเงินให้เหมาะสมท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น

เป้าหมาย Net Zero

          บริษัทกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2593 ผ่านกระบวนการปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนกระบวนการ อุปกรณ์ และใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เช่น การร่วมมือกับบริษัท กันตนา โพสต์ โปรดักชั่น จำกัด เปลี่ยนการส่งภาพยนตร์ที่ฉายในระบบดิจิทัล (Digital Cinema Package) หรือ DCP มาใช้ระบบส่งหนังออนไลน์เพื่อฉายผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 5G ของเอไอเอส แทนการขนส่งคอนเทนต์ภาพยนตร์ทางรถยนต์ ซึ่งต้องใช้น้ำมันเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดขั้นตอนการส่งไฟล์ ประหยัดเวลา และลดการใช้พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น

          บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง MAJOR ว่ายอดขายตั๋วหนังในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2567 ทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) โดยปัจจัยหลักมาจาก ภาพยนตร์ Deadpool & Wolverine และหนังไทย วิมานหนาม ซึ่งถือว่าเป็นบวก อย่างไรก็ตาม คาดว่ายอดขายจะดีขึ้นในเดือนกันยายน 2567 และไตรมาส 4/2567 เนื่องจากมีภาพยนตร์หลายเรื่องรอเข้าฉาย ซึ่งจะช่วยดันรายได้สูงขึ้น QoQ แต่คาดว่าอาจจะชะลอตัวลง YoY เพราะในไตรมาส 4/2566  มีภาพยนตร์หลายเรื่องที่ประสบความสำเร็จอย่างมายอดขายเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวทรงตัว YoY แต่คาดว่าจะดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ตั้งแต่ไตรมาส 4/2567  เป็นต้นไป โดยได้รับแรงหนุนจากการออกสินค้าใหม่และการเข้าฉายของภาพยนตร์ที่มีศักยภาพสูง แม้บริษัทไม่มีการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายในปี 2567 ก็ตาม คาดว่าอาจทำให้ยอดขายเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวอ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่ margin ของสินค้าจะดีขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ GPM โดยรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นทั้ง HoH และ YoY ใน 2H67F เทียบกับ 33.6% ใน 1H67โดยสรุป คาดว่ากำไรของ MAJOR ใน 2H67 จะเพิ่มขึ้น HoH แต่ลดลง YoY

          ขณะที่ คาดหนังดังของค่าย Hollywood ในปี 2568 จะช่วยหนุนรายได้สูงขึ้น หนังดังของ Hollywood คิดเป็น 65% ของหนังทำรายได้สูงสุด 5 อันดับแรก ซึ่งส่วนใหญ่ทำรายได้เกินกว่า 200 ล้านบาทต่อเรื่องในช่วงปี 2562-2566 (ดูรูปที่ 3) เชื่อว่ารายได้จากโรงภาพยนตร์ของ MAJOR น่าจะเพิ่มขึ้น YoY อย่างมีนัยสำคัญในปี 2568 โดยมีปัจจัยหลักมาจากหนังแฟรนไชส์ใหญ่ ๆ ที่เคยมีผู้เข้าชมจำนวนมากและรอเข้าฉายอีกหลายเรื่อง (ดูรูปที่ 2) นอกจากนี้ ยังมีโอกาสในการปรับราคาตั๋วหนังเพิ่มขึ้นในปี 2568

          หนังทำรายได้สูงสุด 3 อันดับแรกของค่าย Hollywood ในครึ่งปีแรกของปี 2567 (1H67) ได้แก่ Godzilla x Kong: The New Empire (ทำรายได้สูงถึง 157 ล้านบาท), Dune: Part Two (รายได้ 71 ล้านบาท) และ Inside Out 2 (รายได้ 63 ล้านบาท)

          ปรับใช้ราคาเป้าหมายเป็นสิ้นปี 2568 ด้วยระดับ PE เดิมที่ 15x ประเมินราคาเป้าหมายใหม่ที่ 17.80 บาท (จากเดิม 13.10 บาท) ทั้งนี้ จากอัพไซด์ของราคาเป้าหมายใหม่ เราปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้น MAJOR ขึ้นเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ถือ”

รายงานโดย : ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการข่าว สำนักข่าว Hoonvision

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ERW ผู้พัฒนาลงทุนในธรุกิจโรงแรมชั้นนำ [HoonVision x FynnCorp]

ERW ผู้พัฒนาลงทุนในธรุกิจโรงแรมชั้นนำ [HoonVision x FynnCorp]

ADVANC ปี67 กำไรพุ่ง3.5หมื่นล้าน อนุมัติปันผลที่5.74 บ.ต่อหุ้น XD 20 ก.พ.68

ADVANC ปี67 กำไรพุ่ง3.5หมื่นล้าน อนุมัติปันผลที่5.74 บ.ต่อหุ้น XD 20 ก.พ.68

THCOM ปี67 ขาดทุน 23ล้านบาท จากเงินบาทแข็งค่า แต่กำไรหลักธุรกิจดาวเทียมแข็งแกร่ง

THCOM ปี67 ขาดทุน 23ล้านบาท จากเงินบาทแข็งค่า แต่กำไรหลักธุรกิจดาวเทียมแข็งแกร่ง

BGRIM ราคาหุ้นมีอัพไซด์ คาดกำไรไตรมาส1/68 ที่ 400ล.

BGRIM ราคาหุ้นมีอัพไซด์ คาดกำไรไตรมาส1/68 ที่ 400ล.

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด