หุ้นวิชั่น- เกาะติดราคาหุ้นของบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) และบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) (AMATA) ที่กลับมาปรับตัวลง หลังจากวานนี้(10 เม.ย.2568) ปรับตัวขึ้นชนซิลลิ่ง (ตลาดปรับลดเกณฑ์ Ceiling ลงเหลือ 15% เป็นการชั่วคราวช่วงวันที่ 8-11 เม.ย.68) จากแรงเทขายทำกำไร จากความไม่แน่นอนสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะกดดันการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) ชะลอลงทุน โดยชะลอการซื้อที่ดิน ส่งผลให้แนวโน้มยอดขายที่ดินมี Downside จากประมาณการณ์ของนักวิเคราะห์ และประมาณการณ์ของผู้บริหาร
สำหรับราคาปิดตลาดล่าสุด (11 เม.ย.68) WHA ลบ 8.45% ลดลง 0.24 บาท มาอยู่ที่ 2.60 บาท ส่วน AMATA ลบ 5.67% ลดลง 0.80 บาท มาอยู่ที่ 13.30 บาท
บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) คาดว่าการปรับขึ้นภาษีตอบโต้ของสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อความต้องการที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรม ทำให้ปรับประมาณการยอดขายที่ดินใหม่ในปี 2568-2570 ลง 39.4-60%
ทั้งนี้เชื่อว่ามาตรการภาษีตอบโต้รอบนี้น่าจะกระทบการไหลเข้าของ FDI และ ความต้องการที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรมในปี 2568-2570 โดย ผลการวิเคราะห์ชี้ว่า FDI และยอดขายที่ดินใหม่มีค่าสหสัมพันธ์ (correlation) สูงถึง 75.4%
จึงเปรียบเทียบมาตรการภาษีตอบโต้ของทรัมป์ กับ ผลกระทบจากวิกฤตทางการเงินโลก (GFC) ในปี 2551-2552 (วิกฤตที่ทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย) โดยพบว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ลดลง 30.6% yoy ในปี 2551 และ 59.5% yoy ในปี 2552 ช่วง GFC และเศรษฐกิจขาลง ซึ่งการชะลอการลงทุนทำให้ยอดขายที่ดินของ AMATA และ WHA ลดลง 58.7% CAGR ในปี 2551-2552
ปรับลดคำแนะนำของ WHA เป็น “ถือ” และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 2.88 บาท แต่ยังแนะนำ “ซื้อ” AMATA แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 17.60 บาท
ยังแนะนำ “ซื้อ” AMATA เพราะบริษัทมียอด backlog สูงถึง 2.12 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถประกันรายได้จากการขายที่ดินได้มากกว่า 100% ของประมาณการในปี 2568-2569 และ งบดุลที่แข็งแกร่งด้วยอัตราส่วน D/E 0.63- 0.69x ในปี 2568-2569
ขณะที่ประมาณการยอดขายที่ดิน ของอาจมี upside จากโครงการ Amata Smart & Eco City Namor ใน สปป.ลาว
ปรับลดคำแนะนำของ WHA จาก “ซื้อ” เป็น “ถือ” เนื่องจาก
- ความชัดเจนในการทำรายได้ลดลง เนื่องจาก backlog น้อยลง และ
- อัตราส่วนหนี้สินต่อ ทุน (D/E) ของ WHA ที่ 1.4-1.53x ในปี 2568-2569 สูงกว่า AMATA นอกจากนี้ยังกังวลกับการที่มูลค่าสินทรัพย์ที่ขายให้กับ REIT จะลดลงจาก 2.5-3.0 พันล้านบาท/ปี เป็น 900 ล้านบาทในปี 2567 และ 1.5 พันล้านบาทในปี 2568 เพราะนักลงทุนมองแผนขาย สินทรัพย์เป็นเหมือนช่องทางการระดมทุน