หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บล.พาย ระบุ ตลาดหุ้นไทยในช่วง 2Q68 เชื่อว่า Upside จะเริ่มจำกัด ในช่วงที่ผ่านมา SET INDEX ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดมาแล้ว 13% รับข่าวบวกจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับนานาประเทศประกอบกับสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจเว้นการขึ้นภาษีอัตราสูงออกไปเป็นเวลา 90 วัน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปข้างหน้าแล้วเชื่อว่าการเจรจาจะยืดเยื้อใช้เวลา คล้ายกับที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2018 – 2019 (มีข่าวเจรจา ยืดเยื้อ หาข้อสรุปได้และไม่ได้) หรือต่อให้มีข่าวว่าเจรจาได้แต่ก็เชื่อว่าการเติบโตเศรษฐกิจโลกยังจำกัด ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับนานาประเทศ โอกาสที่สหรัฐฯ จะไม่ใช้กำแพงภาษีกับจีนแทบจะเป็นไปไม่ได้ ทำให้ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกจะประสบปัญหามากขึ้น โดยธรรมชาติแล้วตลาดหุ้นมักชอบภาวะที่เศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโต ในอีกมุมหลายๆ ประเทศอาจพยามหาตลาดใหม่เพื่อพึ่งพิงสหรัฐฯ ให้น้อยลง จึงอาจเกิดการทุ่มตลาดของแต่ละประเทศกดดันผู้ประกอบการภายในประเทศนั้นๆ อย่างไทยนั้นก็อาจต้องเฝ้าระวังการทุ่มราคาของสินค้าจากจีน (กดดันผู้ประกอบการภายในประเทศ) ในขณะเดียวกันหากไม่มีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับนานาประเทศและกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ ต่อไทย เศรษฐกิจไทยก็ขยายตัวต่ำ (2-3% ต่อปี) แต่หากเป็นกรณีเลวร้ายคือไทยเผชิญการเก็บภาษีสูงจากสหรัฐฯ จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
กลยุทธ์การลงทุนจึงไม่ควรประมาทและเพิ่มการถือครองเงินสด หากดัชนีปรับลงไปในช่วง 1,150 จุด ต่ำลงไปจะเป็นจุดที่เหมาะกับการลงทุนระยะกลาง เน้นที่หุ้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรม อาทิ โรงพยาบาล (BDMS) ค้าปลีก (CPALL) ศูนย์การค้า (CPN) ธนาคาร (BBL KBANK KTB SCB)
ด้านทองคำ เชื่อว่าจะเห็นการปรับขึ้นที่ Upside จำกัดหรืออาจพักฐานสาเหตุจากว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับนานาประเทศเสมือนกับว่าผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้ว ในช่วงที่ผ่านมาทองคำปรับขึ้นเพราะความกังวลนโยบายภาษีของสหรัฐฯ และสงครามการค้ากำลังเข้าสู่ช่วงของการเจรจา ทำให้ความตึงเครียดจะเริ่มน้อยลงเมื่อประกอบกับนโยบายการเงินของ FED ที่ไม่น่าจะเร่งลดดอกเบี้ยในเร็วๆ เพราะความกังวลเงินเฟ้อยังคงปลกคลุม จึงอาจต้องลดสัดส่วนทองคำลงบ้าง