หุ้นวิชั่น – ความไม่แน่นอนของสงครามการค้ายังมีแนวโน้มอยู่สูงในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ส่งผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกยังมีความผันผวน นักลงทุนกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวหรืออาจถดถอย นักลงทุนต้องใช้ความระวัง และปรับพอร์ตให้เหมาะสมกับสถานการณ์ จับตาหุ้นปันผลสัปดาห์นี้ (28 เม.ย.-2 พ.ค.68) มีหุ้นขึ้นเครื่องหมาย XD รวมทั้งสิ้น 93 หุ้น โดยพบว่า มีหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง (ยีลด์) จำนวน 5 บริษัท ดังนี้
- บริษัท อินทรประกันภัย จำกัด (มหาชน) (INSURE) อัตราเงินปันผลอยู่ที่ 10.00 บาท/หุ้น คิดเป็นยีลด์เฉลี่ย 9.76% จะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 29 เม.ย.68
- บริษัท อลูคอน จำกัด (มหาชน) (ALUCON) อัตราเงินปันผลที่ 00 บาท/หุ้น คิดเป็นยีลด์เฉลี่ย 6.65% จะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 เม.ย.68,
- ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP) อัตราเงินปันผลอยู่ที่ 75 บาท/หุ้น คิดเป็นยีลด์เฉลี่ย 5.67% จะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 2 พ.ค.68,
- บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MEB) อัตราเงินปันผลอยู่ที่ 1.10 บาท/หุ้น คิดเป็นยีลด์เฉลี่ย 4.97% จะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 เม.ย.68
- บริษัท ไทยเทพรส จำกัด (มหาชน) (SAUCE) อัตราเงินปันผลอยู่ที่ 1.79 บาท/หุ้น คิดเป็นยีลด์เฉลี่ย 4.62% จะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 30 เม.ย.68
KKP จ่ายปันผลเด่น
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ มองธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP) จ่ายปันผลสูงกว่าคาด โดย KKP ประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H67 ในอัตราหุ้นละ 2.75 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 5% KKP ปรับอัตราการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นจาก 47% ในปี 2566 เป็น 68% ในปี 2567 ซึ่งสูงกว่าประมาณการเดิมที่ 50%
การปรับเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลหนุนให้ ROE เพิ่มขึ้น จึงปรับประมาณการอัตราการจ่ายเงินปันผลของ KKP เพิ่มขึ้นจากปีละ 50% เป็น 69% ในปี 2568 (โดยคาดว่าเงินปันผลต่อหุ้นจะอยู่ในระดับคงที่) 63% ในปี 2569 และ 60% ในปี 2570 ซึ่งหนุนให้ ROE สำหรับปี 2568-2570 ปรับเพิ่มขึ้น 3-16 bps
สำหรับผลการดำเนินงาน กําไรที่ลดลงในไตรมาส 1/2568 เพราะรายได้กับค่าใช้จ่ายไม่สอดคล้องกัน โดยรายได้ลดลงก่อน ค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะลดลงที่หลัง
– คุณภาพสินทรัพย์: HP มีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นและขาดทุนรถยึดที่ลดลง แต่ยังมีความเสี่ยงมากขึ้น สําหรับสินเชื่อ SME จากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถ้อย KKP ไม่มีลูกค้าที่ทําธุรกิจส่งออก
– NIM: ต้นทุนทางการเงินมีแนวโน้มลดลง โดยยังโอกาสที่จะลดอัตราดอกเบี้ยของเงินฝาก ออมทรัพย์ เพื่อช่วย NIM – ผลกระทบจากตลาดหุ้นที่แย่ลง: Direct investment ในเวียดนามจะรับรู้การขาดทุนในไตรมาส 2/2568
– นโยบายการควบคุมค่าใช้จ่าย: พยายามลดค่าใช้จ่าย โดยลดพนักงาน 200 คน และปิด สาขา 6 แห่ง ในไตรมาส 1/2568 จะทําให้ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานลดลงในช่วงที่เหลือของปี
คงคําแนะนํา Neutral และราคาเป้าหมายที่ 48 บาท
KKP ธุรกิจตลาดทุนยังกดดัน
บล.กรุงไทยเอ็กซ์สปริง แนะนำ ซื้อ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP) ราคาเป้าหมาย 56.50 บาท ธุรกิจธนาคารมีแนวโน้มฟื้นตัวจากคุณภาพพอร์ตเช่า ซื้อ โดยในไตรมาส 1/2568 ยังคงเผชิญแรงกดดันจากรายได้ที่ หดตัวเร็วกว่าค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะการตั้งสำรอง ECL เพิ่มขึ้นจากการ write-off ซึ่งมี time lag จากปีก่อน แต่คาดว่าน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้วในไตรมาส 1/2568 ก่อนทยอยลดรถยึดและอัตราขาดทุนจากรถยึดลดลง (จาก 50% สู่ 40%) ต้นทุนทางการเงินคาดทยอยปรับลดลงตาม repricing เงินฝากประจำ
ธุรกิจตลาดทุนยังคงเผชิญแรงทดดันจากภาวะตลาด ในขณะที่ Wealth & Asset Management ยัง เติบโตได้แต่กลุ่มหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจ,และการ ลงทุนทางตรงได้รับผลกระทบจากความผันผวนของ ตลาดทุน ภาวะการอ่อนตัวของตลาดหุ้นอ่อนตัวในไตรมาส 2/2568 (QTD) คาดมีโอกาส mark-to-market ผลขาดทุนในไตรมาส 2/2568
หลังการปรับประมาณการ คาดว่ากำไรสุทธิของ KKP จะเติบโตเฉลี่ย 5.7% ในช่วงปี 2568-2570 แรงหนุน จากการฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน การลดลงของ การตั้งสำรอง และขาดทุนจากรถยึด แม้จะถูกหักหักล้าง บางส่วนด้วยรายได้จากธุรกิจตลาดทุนที่ชะลอตัว
ผู้บริหารเผยการขาย E-reader ในไตรมาส 1/2568 ยังทรงตัว q-q ในระดับสูง และขยายตัว y-y ระดับสองหลัก โดย MEB ยังมองเทรนด์เป็นขาขึ้นจากกระแส Digitization ของทั้งกลุ่มวัยรุ่น และผู้สูงอายุที่ชื่นชอบฟีเจอร์การขยายตัวอักษรให้อ่านง่าย
แม้กำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 มีแนวโน้มจะทำได้เพียง 21.2% ของประมาณการ แต่คงประมาณการปี 2568 ไว้ก่อนที่ 508 ล้านบาท แม้ว่ารายได้ไตรมาส 1/2568 จะเติบโตน้อยกว่าเป้ารายได้ ผู้บริหาร ที่ 10-15% แต่ด้วยจังหวะการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยรับ และ GPM ที่คาดจะขยายตัวจากผลของ Economies of scale เชื่อว่ากำไรจะเร่งขึ้นมาหาประมาณการกำไรปีนี้ได้