GTB ปี 67 รายได้ 1,149.78 ล. กำไรโต 28.78%

          หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน GTB ปี 67 รายได้ 1,149.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.69% ส่วนกำไรสุทธิ 77.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.78% เมื่อเทียบกับปี 66 ธุรกิจโตทุกกลุ่ม

          นายสุชาติ มงคลอารีย์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เจตาแบค จำกัด (มหาชน) หรือ GTB แจ้งผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์ ว่า บริษัท เจตาแบค จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย มีผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้น โดยมีรายได้รวม 1,149.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.69% จากปีก่อนหน้า ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 77.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.78% เมื่อเทียบกับปี 2566

ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงาน

1) งานตามสัญญา เพิ่มขึ้น 4.79% เนื่องจากได้รับงานโครงการใหม่เข้ามาจำนวนหนึ่งจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมยา เคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมี อุตสาหกรรมยาง อุตสาหกรรมไม้ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งการบริหาร Backlog อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถดำเนินงานภายใต้แผนงานส่งมอบและรับรู้รายได้อย่างดี
2) งานบริการ เติบโต 4.34% จากการขยายฐานลูกค้าและงานซ่อมบำรุงอะไหล่ และการปรับปรุงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น
3) ต้นทุนงานตามสัญญา เพิ่มขึ้น 8.12% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของงานตามสัญญาลดลง เนื่องจากต้นทุนของสินค้าที่เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนของงานที่รับเข้ามา
4) Backlog เพิ่มขึ้น 25.15% สะท้อนถึงการรับรู้รายได้ของงานตามสัญญาโครงการที่มั่นคงในอนาคตของปีดำเนินการ 2568

แนวโน้มและกลยุทธ์ปี 2568

1) คาดการณ์เศรษฐกิจเติบโตที่ 2.3-3.0% พร้อมมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ ทั้งการบริโภคภาคครัวเรือน การลงทุนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และการท่องเที่ยว จะส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ยังคงมีการเติบโต บริษัทฯ และบริษัทย่อย ยังคงมีแผนนำผลิตภัณฑ์เข้านำเสนออย่างต่อเนื่อง และก่อให้เกิดรายได้ต่อไป
2) แสวงหาโอกาสในตลาดที่มีศักยภาพใหม่ๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ปลายปี 2567 ได้เปิดบริษัทย่อยในประเทศญี่ปุ่น เพื่อการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ใช้พลังงานสะอาด โดยคาดว่าน่าจะมีผลประกอบการในระยะอันใกล้นี้
3) ทุกภาคส่วน ทั้งรัฐและเอกชน มีแนวปฏิบัติเพื่อให้เข้าสู่การลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกโดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อ ตอบสนองนโยบาย ESG โดยปรับเปลี่ยนกระบวนการใช้พลังงานเดิมมาใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาด (Green Energy) อาทิ พลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen Energy) พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) พลังงานชีวมวล (Biomass Energy) รวมทั้งการ ปรับกระบวนการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จึงเปิดโอกาสให้บริษัทฯ สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองได้อย่างครบถ้วน และนำไปสู่การสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง

แนวทางบริหารองค์กร

          บริษัทฯ และบริษัทย่อยดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์เครื่องกำเนิดไอน้ำและพลังความร้อน รวมทั้งงานติดตั้งบริการทางด้านวิศวกรรมครบวงจร จึงต้องยึดมั่นเกี่ยวกับมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ที่ยอมรับในระดับสากลที่มีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง มีการดำเนินการที่มีคุณภาพทั้งก่อนและหลังการจำหน่าย และพร้อมให้คำปรึกษาตลอดเวลา

          ส่วนการดำเนินธุรกิจปัจจุบันมุ่งเน้นแนวทางการบริหารตามหลักการ CG (Corporate Governance) และแนวทางในการเข้าสู่ ESG (Environmental, Social and Governance) เพื่อความยั่งยืนต่อไป
โดยสรุป บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์การยึดมั่นในการผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์ และบริการที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ รักษาฐานลูกค้า ขยายตลาดไปในแหล่งที่มีศักยภาพทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน