หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน UBIS กำไรสุทธิปี 67 เทิร์นอะราวน์ 128.69% จากปี 66 ขาดทุน 74 ล้านบาท ส่วนยอดขาย 904.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.77 ล้านบาท ดีมานด์ผลิตภัณฑ์ใน นอกประเทศคึกคัก
นายปิยคุณ กฤตยานุตกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยูบิส (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ UBIS เปิดเผยว่า ในงวดสิ้นปี 2567 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายจำนวน 904.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.77 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.78 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) รายได้จากยอดขายในต่างประเทศเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ในภูมิภาคตะวันออกกลางและละตินอเมริกาเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งคำสั่งซื้อจากทวีปยุโรปเริ่มกลับมาฟื้นตัว ส่วนรายได้จากการขายในประเทศและจากประเทศจีนหดตัวลดลง
ยอดขายในตลาดต่างประเทศเติบโตขึ้น 23.71% โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการสินค้าแลกเกอร์ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลางและละตินอเมริกา นอกจากนี้ คำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์คอมปาวด์จากยุโรป ซึ่งชะลอตัวในช่วงต้นปี ได้กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งในไตรมาสสุดท้าย ในทางกลับกัน ตลาดในประเทศจีนหดตัวลง 15.65% เนื่องจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงจากผู้ผลิตภายในประเทศ ส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อจากจีนลดลง ขณะที่ตลาดในประเทศลดลงเล็กน้อย 1.88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ยอดขายตามประเภทผลิตภัณฑ์ในปี 2567 พบว่า ผลิตภัณฑ์แลกเกอร์มีความต้องการเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 และต่อเนื่องตลอดทั้งปีจนถึงไตรมาสที่ 4 ส่งผลให้ยอดขายเติบโต 9.40% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์คอมปาวด์ลดลง 5.32% จากปีก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อจากลูกค้าในยุโรปในช่วงครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตาม ความต้องการฟื้นตัวในไตรมาสที่ 4 ส่งผลให้ยอดขายผลิตภัณฑ์คอมปาวด์ลดลงเพียงเล็กน้อย
สำหรับปี 2567 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงาน 65.72 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น 118.96 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 223.46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากกำไรขั้นต้นที่เพิ่มสูงขึ้น และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการบันทึกกำไรจากการขายที่ดินในไตรมาสที่ 4 จำนวน 16.12 ล้านบาท
ในปี 2567 บริษัทฯ รายงานกำไรสุทธิ 21.23 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) 2.35% โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 95.23 ล้านบาท หรือร้อยละ 128.69 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าบริษัทฯ จะมีกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) 65.72 ล้านบาท แต่ต้องมีการบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าของลูกหนี้ ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน TFRS 9 จำนวน 31.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.13 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1,223.95 เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิ
หากพิจารณากำไรจากการดำเนินงานโดยตัดรายการพิเศษออก ได้แก่ กำไรจากการขายที่ดิน และขาดทุนจากการด้อยค่าของลูกหนี้ บริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (Normalized Net Profit) ประมาณ 36.61 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 4.04% ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรจากธุรกิจหลักของบริษัทฯ ได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น