หุ้นวิชั่น – AMATA เชื่อประเทศไทยยังโอกาสดึงนักลงทุน ตั้งเป้าขายที่ดิน 2,000 ไร่ ในปี 2568 ชูจุดแข็งฐานลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่อง พร้อมแผนลงทุน 7,000-8,000 ล้านบาท เผยมียอดขายที่ดินรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) มูลค่ารวม 21,203 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ประมาณ 50% ในปี 2568
นางสาวเด่นดาว โกมลเมศ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า สำหรับปี 2568 บริษัทฯ คาดการณ์ผลการดำเนินงานจะเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยมาจากรายได้จากการให้บริการ รายได้ค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นตามฐานลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมที่ขยายตัว และรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอย่างต่อเนื่อง
บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายที่ดินในปี 2568 ไว้ที่ 2,000 ไร่ ปัจจุบันสามารถทำยอดขายได้แล้วกว่า 200 ไร่ในประเทศไทย และ 138 ไร่ในเวียดนาม โดยรายได้ที่เติบโตในปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากกลุ่มอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูล (Data Center) เซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ในขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์มีการชะลอตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสองปีก่อน ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นนักลงทุนจากประเทศจีน
ราคาที่ดินในพื้นที่จังหวัดชลบุรีคาดว่าจะคงที่เทียบเท่าปีที่ผ่านมา ขณะที่จังหวัดระยองมีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 10% สำหรับข้อตกลงปัจจุบันเป็นการดำเนินการเฉพาะในประเทศไทย ขณะที่ในเวียดนามยังไม่มีการทำสัญญาใหม่ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนขยายพื้นที่บ่อน้ำและตั้งเป้าใช้น้ำจากแหล่งของตัวเองเป็นหลักในอนาคต
แนวโน้มการลงทุนในปี 2568 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2567 โดยบริษัทฯ มองว่าปีนี้เป็นปีแห่งโอกาสสำหรับประเทศไทยในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภูมิรัฐศาสตร์สงคราม การค้า และการกีดกันทางเทคโนโลยีที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งจะผลักดันให้นักลงทุนต้องเร่งเคลื่อนย้ายฐานการผลิตเพื่อลดความเสี่ยง โดยประเทศไทยมีความพร้อมและศักยภาพในหลายด้าน จึงกลายเป็นจุดหมายการลงทุนที่มั่นคงและปลอดภัยในภูมิภาค
สำหรับปี 2568 บริษัทฯ วางงบลงทุนไว้ที่ 7,000 – 8,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย โดยตั้งเป้าโอนยอดขายไม่ต่ำกว่า 50% ของยอดคงค้าง ปัจจุบันบริษัทฯ มีที่ดินพร้อมขายรวมทั้งสิ้น 16,867 ไร่ แบ่งเป็นที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี 12,614 ไร่ และในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง 4,254 ไร่
ด้านยอดขายที่ลดลงในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 เนื่องจากประเทศเวียดนามประสบปัญหาน้ำท่วม แต่สถานการณ์ได้กลับสู่ภาวะปกติแล้ว ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดขายที่ดินรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) มูลค่ารวม 21,203 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ประมาณ 50% ในปี 2568 และส่วนที่เหลือจะทยอยโอนในปีถัดไป
นอกจากนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามแผนพัฒนาของสหประชาชาติ ด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนทางตรงและทางอ้อมลง 30% และตั้งเป้าเป็นเมืองที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral City) ภายในปี 2583
สรุปผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 14,901 ล้านบาท เติบโต 54% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิหลังหักส่วนได้เสียจากการถือหุ้น 2,483 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% และมีกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วม 959 ล้านบาท ลดลง 10% นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถโอนที่ดินทั้งหมดได้ 1,912 ไร่ โดยมีมูลค่าที่ดินรอโอน (Backlog) มูลค่ารวม 21,203 ล้านบาท สะท้อนถึงการเติบโตของบริษัทฯ อย่างแข็งแกร่ง