หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด คาดแนวโน้ม SET Index ประเมินแกว่งตัว Sideway ในกรอบ 1,180-1,200 จุด ตลาดขายลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยในช่วงแรก ทรัมป์ประกาศเลื่อนเวลาการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกในอัตรา 25% ออกไปจนถึงวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งการยกเว้นภาษีดังกล่าวจะบังคับใช้สำหรับสินค้าที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) แต่ในเวลาต่อมา ทรัมป์ได้ตัดสินใจว่าจะเลื่อนการเรียกเก็บภาษี 25% จากแคนาดาออกไปจนถึงวันที่ 2 เม.ย. ด้วยเช่นกัน
ความไม่แน่นอนที่เกิดจากการประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างรวดเร็วสามารถสร้างความเสียหายต่อการลงทุนและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับขนาดของอัตราภาษีซึ่งจะสร้างผลกระทบมากกว่าที่เคยเกิดขึ้นในปี 2018 และอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นด้วย
ขณะที่มีการรายงานตัวเลขยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 21,000 ราย สู่ระดับ 221,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ นอกจากนี้ ECB ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ระดับ 2.50% โดยรายงาน Core CPI ก.พ. ที่ +2.6% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อน และมีการปรับลด GDP ปี 2025-2026 ลงเป็น 0.9%/1.2% (เดิม 1.2%/1.4%)
ส่วนสถานการณ์น้ำมันดิบ ติดตามการประชุม OPEC+ ที่คาดว่าจะเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนเม.ย. ปัจจัยในประเทศ SET ปรับตัวลงหลุดระดับ 1,200 จุดอีกครั้ง จากกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลง และเริ่มเห็นแรงขายในกลุ่มธนาคาร เนื่องจากช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา Outperform มองว่าอาจโยกเงินไปเข้ากลุ่มที่ราคาลงไปลึกและผลประกอบการมีแนวโน้มดี หรือหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีที่คาดหวังได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
ส่วนในระยะสั้น ตลาดหุ้นยังมีความผันผวนจากปัจจัยภายนอก และความไม่แน่นอนของกองทุน ThaiESG 2 ที่จะรับโอนเม็ดเงินจากกองทุน LTF ที่ครบกำหนดไถ่ถอน
ติดตาม: เงินเฟ้อ ก.พ. ไทย, ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ
Stock pick: MOSHI ผลงานแนวโน้มเติบโตเด่น Valuation น่าสนใจ เป้าเชิงกลยุทธ์ที่ 48.75 บาทผลงานแนวโน้ม MOSHI เติบโตเด่น Valuation น่าสนใจ
MOSHI รายงานกำไรสุทธิ 4Q24 เท่ากับ 205.9 ล้านบาท +90.4% QoQ, +33.7% YoY ปรับตัวขึ้นเด่นทั้ง QoQ และ YoY โดยเติบโตมาจากการขยายสาขาเพิ่มในงวด 6 สาขา ส่งผลให้สิ้นปีมีสาขาร้านค้าปลีก 159 สาขา และ SSSG +15.4% ซึ่งได้รับแรงหนุนเองจากช่วงเทศกาล เช่น Halloween, Christmas และชุดของขวัญปีใหม่ รวมถึงการออกสินค้าใหม่กว่า 3,000 รายการในกลุ่มของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์เสริมความงาม
และของเล่น รวมถึงสินค้าคอลเลกชัน K-pop ด้าน GPM ปรับตัวขึ้น QoQ มาที่ 53.3% (+5 bps QoQ) จากยอดขายในกลุ่ม High margin ที่สูงขึ้น เช่น กลุ่มของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์เสริมความงาม และของเล่น รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่า
ส่วนภาพทั้งปี 2024 รายงานกำไรสุทธิเท่ากับ 520.7 ล้านบาท +27.5% มี GPM เฉลี่ยที่ 53.5% ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายต่อรายได้ชะลอตัวลงเหลือ 27.7% จากปีก่อนที่ 28% เนื่องจากรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าใช้จ่าย แม้ว่าจะมีการขยายสาขาในปี กว่า 34 สาขา ซึ่งกระทบต่อต้นทุนทางการเงินจากมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับสัญญาเช่า ซึ่งบริษัทไม่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ยืม
ผู้บริหารตั้งเป้า ขยายสาขาร้านค้าปลีก Moshi Moshi จำนวน 40 สาขา ในรูปแบบที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้ง ห้างสรรพสินค้า, Community mall และ Hyper Market นอกจากนี้จะเพิ่มสาขา Standalone ที่ใกล้มหาวิทยาลัยและเขตชุมชน รวมถึง Pilot project สาขาขนาดใหญ่ พื้นที่ 300 ตร.ม. ขึ้นไปในเขตชุมชน
คงเป้าการเติบโตของรายได้ CAGR ในปี 2024-2026F ที่ 15-20% รวมถึงการออกสินค้าใหม่กว่า 1,000 รายการ/เดือน โดยการผลักดันทั้งกลุ่มสินค้า License และ Non-License
งบลงทุน 280 ล้านบาท สำหรับการขยายสาขาใหม่ และปรับปรุงสาขาเดิม
ในเชิง sentiment มีโอกาสถูกเข้าคำนวณใน SET100 หลังจาก GULF & INTUCH จะมีการควบรวมเป็นบริษัทใหม่คือ GULF Development ซึ่งจะเข้าตลาดวันที่ 3 เม.ย. ด้าน Bloomberg ประเมินกำไรสุทธิปีนี้ที่ 615 ล้านบาท +31.6% YoY มี ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 55.42 บาท
ในเชิง valuation มีความน่าสนใจ โดยราคาซื้อขายปัจจุบันอยู่บน FWD PE ที่ 22.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาค 6% ที่ 23.7 เท่า แต่ในแง่ของการเติบโตของกำไรมีความโดดเด่นเหนือกลุ่ม
แนวรับ: 42.25/41.25 (ไม่ควรต่ำกว่าลงมา)
แนวต้าน: 44.50/46.50/48.75
