BJCHIตั้งสำรองโครงการใหญ่ ลุยประมูลงาน6.14หมื่นล.

           หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน BJCHI ปี 67 ขาดทุน 28 ล้านบาท จากปี 66 ที่ 75 ล้านบาท เหตุตั้งสำรองโครงการใหญ่ 405 ล้านบาท ลุยประมูลงานโรงไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมัน ปิโตรเคมีน้ำมัน ธุรกิจพลังงานสะอาดและพลังงานสีเขียว รวมกันกว่า 61,400 ล้านบาท

           นายเซิง วู ลี กรรมการ และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ BJCHI เปิดเผยว่า ในปี 2567 กำไรขั้นต้นเท่ากับ 432 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.2 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ที่มีกำไรขั้นต้น เท่ากับ 298 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีขาดทุนสุทธิเท่ากับ 28 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 75 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ตั้งสำรองเงินไว้สำหรับลูกหนี้ที่ยังไม่ได้เรียกเก็บเงินบางส่วนในโครงการใหญ่ แห่งหนึ่งเป็นจำนวน 405 ล้านบาท

           ขณะนี้ข้อพิพาทกับลูกค้าโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างกระบวนการไกล่เกลี่ย ข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ ดังนั้น ฝ่ายบริหารจึงใช้ดุลยพินิจด้วยความรอบคอบเป็นอย่างสูงในการประเมิน ข้อพิพาทดังกล่าว เพื่อประมาณการค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงจากกระบวนการ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการอาจแตกต่างไปจากการประเมินนั้น

           ขณะที่รายได้ ตามสัญญา ในปี 2567 บริษัทมีรายได้ตามสัญญา (ไม่รวมรายได้อื่น) เท่ากับ 1,308 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 62.6 จาก 3,493 ล้านบาท ในปี 2566 การลดลงของรายได้ตามสัญญา สอดคล้องกับความคืบหน้าการปิดโครงการ

           รายได้อื่นในปี 2567 บริษัทมีรายได้อื่น (ไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน) เท่ากับ 37 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 21.3 จากปี 2566 ที่เท่ากับ 47 ล้านบาท ทั้งนี้ สาเหตุหลักเกิดจากการลดลงของรายได้จากดอกเบี้ยรับและเงินปันผลจากการลงทุนทางการเงิน

           ในปี 2567 บริษัทยังคงดำเนินโครงการขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกอบไปด้วยโครงการ CRISP โครงการSANTOS และ CIMTAS ซึ่งเป็นโครงการหลักที่เพิ่มรายได้ของบริษัทในปีนี้ด้วยคุณภาพการทำงานที่โดดเด่นในการทำงาน และชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับ บริษัทกำลังหารือกับลูกค้าของบริษัทเกี่ยวกับการดำเนินโครงการระยะยาวอื่นๆ อีกในอนาคต

นอกจากนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังทำให้ลูกค้าหลายรายมองหาผู้แปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก ที่อยู่ในประเทศอื่นๆ ในเอเชียมากกว่าจีน สถานการณ์นี้จึงเป็นประโยชน์และเพิ่มโอกาสของบริษัทในการเข้าไปรับงานโครงการต่างๆ มากขึ้นมีการคาดการณ์การลงทุนในสินทรัพย์ในธุรกิจน้ำมันและก๊าซทั่วโลก ที่จะเพิ่มขึ้นจาก 797.58 พันล้านเหรียญ สหรัฐ ไปสู่ 983.04 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงปี 2567 – 2572 โดยมีอัตราการเติบโตที่ 4.27% เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้ได้มีการฟื้นตัวจากความต้องการน้ำมันและก๊าซที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากการหยุดชะงักจาก สถานการณ์ COVID-19 (อ้างอิงจาก : EIA, IEA) ทั้งนี้เพื่อสนองความต้องการในน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ดังกล่าว การเพิ่มขึ้นของการลงทุนในกิจกรรมสำรวจและผลิตเป็นสิ่งจำเป็น ทำให้มีการประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ของอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ

           ทั้งนี้จากความกังวลต่อสิ่งแวดล้อม ราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ความไม่แน่นอนในภาวะเศรษฐกิจ ความมั่นคงด้านพลังงาน ต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้นานาประเทศตระหนักใหม่มีการเริ่มสิ่งใหม่ รวมไปถึงพลังงานสีเขียว และพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนภาคส่วนทางเลือกใหม่ให้การลงทุน โดยได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาล และหน่วยงานขับเคลื่อนทางการเงินเพื่อความยั่งยืน โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว เพื่อให้อยู่ในเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2593 คาดว่าการลงทุนในสินทรัพย์จะมีมากถึง 4.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2573 ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างรวดเร็วของภาคส่วนนี้ (อ้างอิงจาก:World Economic Forum)

           บริษัท บีเจซี มีความกระตือรือร้นในการมีส่วนร่วมในการเข้าประมูลงานสำคัญจากลูกค้าหลายรายทั้งตลาด ต่างประเทศและตลาดในประเทศในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ โรงไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมัน ปิโตรเคมีน้ำมัน และธุรกิจพลังงานสะอาดและพลังงานสีเขียว เป็นต้น ปัจจุบันมูลค่างานที่บริษัทเข้าร่วมประมูลนั้น มีมูลค่ารวมกันกว่า 61,400 ล้านบาท ในฐานะผู้นำในการให้บริการการงานแปรรูปและประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่และงานแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก บริษัทเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าศักยภาพของบริษัทนั้นสามารถจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการให้แก่ลูกค้าในหลากหลาย อุตสาหกรรมแบบครบวงจร ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการรับงานโครงการมากขึ้น และช่วยสร้างการเติบโตอย่าง ยั่งยืนในระยะยาวสำหรับผู้ถือหุ้นต่อไป