BLC โตแกร่งต้องจับตา!! โบรกแนะ ”ซื้อ” เป้า 5 บ.

           หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุ BLC ผู้ผลิตยาที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมานานกว่า 30 ปีผลการดำเนินงานปี 65-67 เติบโตแข็งแกร่ง +49% CAGR จากความต้องการใช้ยาหลัง COVID-19 เพิ่มขึ้น คาดกำไรปี 68-69 ยังเติบโตต่อเนื่อง +23% CAGR ขณะราคาที่ปรับตัวลงมาในระดับปัจจุบัน ทำให้ Valuation น่าสนใจมากขึ้นเมื่อเทียบกับการเติบโต แนะนำ “ซื้อ”

ประเด็นการลงทุน
▪ ผู้ผลิตยาที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี
           BLC ก่อตั้งขึ้นมายาวนานกว่า 30 ปี โดยเภสัชกร 3 ท่าน ได้แก่ ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์, ภก.ศุภชัย สายบัว และ ภก.สมชัย พิสพหุธาร เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตยาแผนปัจจุบันและผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ ต่อมาได้มีการเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรที่สามารถหาวัตถุดิบได้ในประเทศไทย พร้อมทั้งก่อตั้งศูนย์วิจัย BLC เพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีให้แก่สินค้าของบริษัท โดยจุดแข็งสำคัญของ BLC อยู่ที่โครงสร้างธุรกิจที่จำแนกบริษัทย่อยตามช่องทางการจัดจำหน่าย ทำให้บริษัทเข้าใจความต้องการของลูกค้าแต่ละช่องทางการจัดจำหน่ายและแต่ละผลิตภัณฑ์ รวมถึงสามารถทำการตลาดในเชิงลึกได้มากยิ่งขึ้น ซึ่ง BLC จะทำหน้าที่วิจัย พัฒนา และผลิตสินค้าให้แก่กลุ่มบริษัท โดยในปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 1,557 ลบ. แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันสัดส่วนราว 76% รองลงมาคือผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและยาสมุนไพรในสัดส่วน 9% และ 9% ตามลำดับ ขณะที่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยาสำหรับสัตว์ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มีสัดส่วนอยู่ที่ 3%, 2% และ 1% ตามลำดับ
▪ ผลการดำเนินงานปี 65-67 เติบโตแข็งแกร่งเฉลี่ยปีละ +49% CAGR จากความต้องการใช้ยาหลัง COVID-19 เพิ่มขึ้น
           ปี 65-67 กำไรสุทธิเติบโต +49% CAGR อยู่ที่ 126 ลบ., 145 ลบ., และ 171 ลบ. ตามลำดับ จากการเติบโตของยอดขาย +15% CAGR ที่ 1,238 ลบ., 1,406 ลบ., และ 1,557 ลบ. ตามลำดับ ซึ่งเป็นการเติบโตจากยอดขายในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ตามความต้องการใช้ยาที่มากขึ้นหลังสถานพยาบาลและร้านขายยากลับมาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย บวกกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับบริษัททำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น ผ่านการขยายบุคลากรทีมขาย รวมถึงการนำสินค้าไปโปรโมทในงานอีเวนต์และช่องทางสื่อต่าง ๆ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์สินค้าของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อีกปัจจัยหนุนมาจากการปรับพอร์ตขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงมากยิ่งขึ้น หนุนให้ GPM ของบริษัทอยู่ระดับสูงเหนือคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันในประเทศ
▪ คาดผลการดำเนินงานปี 68-69 ยังคงเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ +23% CAGR
           คาดกำไรสุทธิปี 68-69 เติบโต +23.2% CAGR มาอยู่ที่ 218 ลบ. และ 260 ลบ. ตามลำดับ ตามคาดยอดขายปี 68-69 ที่เพิ่มขึ้น +11.3% CAGR จากการเติบโตของยอดขายสินค้าเดิมในช่องทางเดิม แผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้น เช่น ยารักษาเบาหวาน ยารักษาอัลไซเมอร์ หรือผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยงแบรนด์ Petz Care เป็นต้น รวมถึงการขยายตัวของยอดขายจากช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่คือช่องทางออนไลน์ เช่น Shopee, Tiktok เป็นต้น ประกอบกับคาด GPM ปี 68-69 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 57.5% และ 58.2% ตามลำดับ หนุนโดยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มยาสามัญใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูงอย่างต่อเนื่อง ขณะคาด SG&A/Sales มีแนวโน้มลดลง จากฐานรายได้ที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าใช้จ่าย แม้บริษัทจะยังมีแผนขยายบุคลากรทีมขายอย่างต่อเนื่อง

คำแนะนำ
▪ เริ่มต้นบทวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” โดยเราประเมินราคาเป้าหมายด้วยวิธี GGM ด้วยสมมติฐาน ROE ระยะยาวที่ 15%, CoE ที่ 12%, LTG ที่ 7.5% และ BVPS68F ที่ 3.01 บ. ได้ราคาเหมาะสมที่ 5.0 บ. เทียบเท่า PER68F ที่ 13.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมผู้ผลิตยาในประเทศไทย แต่หากเทียบกับอัตราการเติบโตของ EPS68F ที่ +27.2% จะเท่ากับ PEG68F ที่เพียง 0.5 เท่า ทั้งนี้ เรามองว่าด้วยราคาปัจจุบันที่ปรับตัวลงมามากกว่า -60% จากราคา IPO สวนทางกับทิศทางการเติบโตของกำไร จึงเป็นโอกาสการเข้าซื้อ

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

CPALL ลุยความยั่งยืน

CPALL ลุยความยั่งยืน

SUSCO บอร์ดไฟเขียว รุกสถานีแบตเตอรี่รถ EV

SUSCO บอร์ดไฟเขียว รุกสถานีแบตเตอรี่รถ EV

DELTA ทุ่ม 506 ลบ. ซื้อเครื่องจักร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

DELTA ทุ่ม 506 ลบ. ซื้อเครื่องจักร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

DELTA กำไรโค้งแรก 5.4 พันล. - โตแรง 154%

DELTA กำไรโค้งแรก 5.4 พันล. - โตแรง 154%

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด