หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า ระบุ Central Plaza Hotel (CENTEL) ปรับประมาณการขึ้น สะท้อนงบเด่นกว่าคาดมาก บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ธุรกิจโรงแรมปี 2025 เติบโตเด่นระดับ 23% YoY
ธุรกิจโรงแรมในปี 2025 บริษัทตั้งเป้ารายได้ (รวมธุรกิจ JV) ที่ราว 1.5 หมื่นลบ. (+23% YoY) คาด RevPar เฉลี่ยทั้งกลุ่มที่ระดับ 4.5-4.8 พันบาทต่อคืน (+10-17% YoY) เติบโตหลังการรีโนเวทโรงแรมพัทยา (10% รายได้โรงแรม) เสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่ 4Q24 โรงแรมญี่ปุ่นได้ผลบวกของการจัดงาน World Expo (เม.ย.-ต.ค.) และการเปิดโรงแรมใหม่ 2 แห่งในมัลดีฟส์ ซึ่งจะช่วยชดเชยการปิดปรับปรุงโรงแรมที่หัวหินและกระบี่ตั้งแต่ 2Q25 บริษัทคาด EBITDA margin ของธุรกิจโรงแรมจะเติบโตราว 200bps YoY จากการกลับมาเปิดโรงแรมใหญ่และบริหารต้นทุนพนักงานดีขึ้น บริษัทตั้งงบลงทุนของกลุ่มโรงแรมที่ระดับ 5.5 พันลบ. เพราะมีการเปิดโรงแรมใหม่ แต่งบลงทุนจะน้อยลงสู่ระดับ 4 พันลบ.ในปี 2026-2027 เพราะส่วนใหญ่ใช้สำหรับการรีโนเวทมากกว่าเปิดโรงแรมที่บริหารจัดการเอง
เป้ารายได้ธุรกิจร้านอาหารปี 2025 เติบโต 13% YoY เน้นการสร้างกำไร
ธุรกิจร้านอาหารในปี 2025 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ (รวมธุรกิจ JV) ที่ 1.8 หมื่นลบ. (+13% YoY) จากสมมติฐาน SSSG +3-5% YoY, TSS +6-8% YoY และตั้งเป้าเปิดเพิ่ม 60-70 ร้าน กลยุทธ์หลัก บริษัทจะเน้นการเติบโตของกำไรมากกว่ารายได้ ในปี 2024 ปิดสาขาหรือแบรนด์ที่ไม่ทำกำไรไปมากแล้ว ทำให้การขยายสาขาส่วนใหญ่จะเน้นกลุ่ม JV เนื่องจากมีอัตราการทำกำไรที่ดีกว่า มีโอกาสเห็น M&A เพิ่มร้านอาหารใหม่ๆ อย่างน้อย 2-3 แบรนด์ เข้ามาหนุนให้ Portfolio แข็งแกร่งและมีอัตรากำไรที่ดียิ่งขึ้น
ในแง่ของการทำกำไร บริษัทคาด EBITDA margin ของธุรกิจร้านอาหารจะเติบโตราว 100bps YoY จากการเพิ่มแบรนด์ที่กำไรดี มีการบริหารต้นทุนพนักงานและต้นทุนวัตถุดิบที่ดีขึ้น บริษัทตั้งงบลงทุนของกลุ่มร้านอาหารที่ระดับ 1.2 พันลบ. และดีล M&A อีกราว 500 ลบ.
แนวโน้ม 1Q25 คาดเติบโตดี QoQ และอาจเติบโตเล็กน้อย YoY จากฐานสูง
อัปเดตเดือน ม.ค. 25 ธุรกิจโรงแรม RevPar เฉลี่ยทั้งกลุ่มเติบโต 11% YoY ส่วนธุรกิจร้านอาหารส่วนใหญ่ SSSG ยังเติบโตได้ดี YoY ยกเว้น KFC ที่มีสัดส่วนรายได้สูงสุด โดยภาพรวมแนวโน้มผลประกอบการใน 1Q25 คาดเติบโต QoQ ตามปัจจัยด้านฤดูกาล อีกทั้งได้ผลบวกของการกลับมาเปิดโรงแรมที่พัทยาและภูเก็ตเต็มไตรมาส อย่างไรก็ดี ฐานกำไรปกติใน 1Q24 ที่สูง ประกอบกับยังมีผลขาดทุนช่วงต้นของโรงแรมใหม่ที่มัลดีฟส์ และค่าใช้จ่ายก่อนการดำเนินงานอีกราว 40-50 ลบ. ทำให้คาดกำไรอาจทรงตัวถึงเติบโตเล็กน้อย YoY
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 40.00 บาทต่อหุ้น
จากงบ 4Q24 ที่ออกมาดีกว่าคาด ปรับประมาณการปี 2025-2026 ขึ้นปีละ 16-22% เป็น 2.0 พันลบ. (+17% YoY) และ 2.3 พันลบ. (+11% YoY) จาก
- การปรับสมมติฐาน GPM ของธุรกิจโรงแรมขึ้น 20-40bps แต่ยังคง GPM ธุรกิจร้านอาหารที่ระดับ 46%
- เพิ่มรายได้อื่นปีละ 7%
- ปรับเพิ่มส่วนแบ่งกำไร JV ขึ้นปีละ 110-130 ลบ. เนื่องจากในปี 2024 รายการดังกล่าวพลิกเป็นกำไร 136 ลบ. จากขาดทุน 62 ลบ. ในปี 2023 ผลจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัทร่วมที่ทำธุรกิจโรงแรมในดูไบและญี่ปุ่น อีกทั้งส่วนแบ่งกำไรจาก บจ. เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการขยายสาขาและเปิดแบรนด์ใหม่ซึ่งได้รับการตอบรับดี (สัดส่วนรายได้หลักของ เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป กว่า 75% ของรายได้คือร้าน Shinkansen)
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ผลของการปรับประมาณการทำให้นักวิเคราะห์ปรับราคาเหมาะสมเป็น 40.00 บาทต่อหุ้น (อิง EV/EBITDA Multiple เดิมที่ 9x เทียบเท่า -1.75SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีปกติ)
ความเสี่ยงสำคัญ: จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติต่ำกว่าคาด เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงทั่วโลก และการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงในระยะถัดไป