หุ้นวิชั่น – CENTEL รายงานกำไรสุทธิปี 2567 พุ่ง 40% แตะ 1,753 ล้านบาท ธุรกิจโรงแรมและการเติบโตของธุรกิจอาหารดี แนวโน้มปี 2568 คาดว่าธุรกิจโรงแรมยังคงขยายตัวต่อเนื่อง คาดอัตราเข้าพักที่ 74-77% โดยเฉพาะจากการท่องเที่ยวไทย ญี่ปุ่น และมัลดีฟส์ ส่วนธุรกิจอาหารคาด SSS ที่ 3-5%
นายกันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน และ รองประธานฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL รายงานผลประกอบการปี 2567: บริษัทฯ มีรายได้รวม 24,239 ล้านบาท (ปี 2566: 22,547 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 1,692 ล้านบาท (หรือ 8%)โดยสัดส่วนของรายได้จากธุรกิจโรงแรมต่อรายได้จากธุรกิจอาหารอยู่ที่ 46% : 54% (ปี 2566: 44% : 56%)
ขณะที่ กำไรขั้นต้นรวม อยู่ที่ 13,153 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,006 ล้านบาท หรือ 8% เทียบปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 57% ของรายได้ (ไม่รวมรายได้อื่น) เพิ่มขึ้น 1% เทียบกับปีก่อน (ปี 2566: 56%)
บริษัทฯ มีกำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าใช้จ่ายในการตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงินได้ (EBITDA) รวม 6,444 ล้านบาท (ปี 2566: 5,535 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 909 ล้านบาท (หรือเพิ่มขึ้น 16%) จากปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าใช้จ่ายในการตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงินได้ ต่อรายได้รวม (% EBITDA) 27% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบปีก่อน (ปี 2566: 25%) จากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการรับรู้กำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียในกิจการร่วมค้าปรับตัวดีขึ้น
เมื่อเทียบกับปีก่อน บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้ (EBIT) จำนวน 3,187 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 675 ล้านบาท เทียบปีก่อน (หรือเติบโต 27%) และ กำไรสุทธิ จำนวน 1,753 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% เทียบปีก่อน (ปี 2566: 1,248 ล้านบาท)
สำหรับปัจจัยที่มีต่อผลการดำเนินงานปี 2568
ธุรกิจโรงแรม:
สำหรับปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลก คาดว่ายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดย United Nations World Tourism Organization (UNWTO) ประมาณการว่าการท่องเที่ยวโลกในปี 2568 จะขยายตัว 3% – 5% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด (ปี 2562) ทั้งนี้ การท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวโลก เนื่องจากภูมิภาคนี้ฟื้นตัวช้ากว่าภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะ การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยท้าทายหลายประการที่อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อาทิ ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง
บริษัทคาดว่าในปี 2568 โรงแรมในประเทศไทย ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับแรงหนุนจากปัจจัยเชิงกลยุทธ์ในการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวผ่านแคมเปญและมาตรการของรัฐบาล รวมถึงการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน และอิทธิพลจาก ความนิยมที่ต่อเนื่องของประเทศไทยในฐานะแหล่งท่องเที่ยว
สำหรับ โรงแรมในญี่ปุ่น ปีนี้ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการจัดงาน World Expo 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองโอซาก้าในช่วงเดือน เมษายน – ตุลาคม 2568 โดยคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจำนวนมาก
สำหรับ โรงแรมในมัลดีฟส์ คาดว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน เนื่องจาก การปรับกลยุทธ์ทางการตลาด และการเปิดใช้งาน อาคารผู้โดยสารใหม่ของสนามบินนานาชาติที่มัลดีฟส์
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานด้วยความระมัดระวัง โดย ปรับกลยุทธ์ทางการขายและการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง การติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่าย เน้นการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมีวินัยทางการเงิน ขณะที่บริษัทฯ ยังคงการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตในอนาคต ด้วยการจัดสรรเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการจัดหาแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนที่เหมาะสมจาก การกู้เงินสถาบันการเงิน และการออกตราสารหนี้ตามภาวะตลาดการเงิน
โรงแรมที่เริ่มรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2568
บริษัทฯ จะรับรู้รายได้เต็มปีเป็นปีแรกจากโรงแรมที่มีการปรับปรุงครั้งใหญ่ ได้แก่
• โรงแรมเซ็นทารา กะรน ภูเก็ต (จำนวน 330 ห้อง)
o โรงแรมได้ปิดให้บริการทั้งหมดเพื่อดำเนินการปรับปรุงครั้งใหญ่ตั้งแต่ ไตรมาส 3/2566 และกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2567
• โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา (จำนวน 553 ห้อง)
o โรงแรมได้ทยอยปิดห้องพักเพื่อปรับปรุงตั้งแต่ ไตรมาส 3/2566 และทยอยเปิดดำเนินการห้องพักที่ปรับปรุงใหม่ในแต่ละเฟส ตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 การปรับปรุงโรงแรมแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการห้องพักที่ปรับปรุงใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ เดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา
โรงแรมที่เปิดใหม่ในมัลดีฟส์
• โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ (จำนวน 145 ห้อง)
o เปิดให้บริการตั้งแต่ พฤศจิกายน 2567 และจะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2568
• โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์ (จำนวน 142 ห้อง)
o มีกำหนดเปิดให้บริการในเดือน เมษายน 2568
o คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายในช่วงเตรียมเปิดดำเนินการ (pre-opening expenses) ประมาณ 40-50 ล้านบาท ในปี 2568 โดยค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะรับรู้ใน ไตรมาส 1/2568
แผนการปรับปรุงใหญ่ (Major Renovation) ในปี 2568
• โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท แอนด์ วิลลา หัวหิน (จำนวน 251 ห้อง)
o กำหนดเริ่มทยอยปิดบางส่วนเพื่อปรับปรุงในช่วง ไตรมาส 2/2568 โดยโรงแรมยังคงเปิดให้บริการในช่วงการปรับปรุงดังกล่าว
• โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ทและวิลลา กระบี่ (จำนวน 192 ห้อง)
o เริ่มปิดโรงแรมทั้งหมดเพื่อปรับปรุงในช่วง ไตรมาส 2/2568
ธุรกิจอาหาร:
ธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากในแต่ละปีมีผู้ประกอบการใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาเป็นจำนวนมาก บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญในการ สร้างและพัฒนาแบรนด์ เพื่อสร้างความคุ้มค่าและประสบการณ์ที่ดีในการรับประทานอาหารของลูกค้า
บริษัทฯ เน้นการ บริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยติดตามแนวโน้มราคาเพื่อวางแผนในการเจรจาต่อรองกับผู้ขายวัตถุดิบ หาแหล่งวัตถุดิบทดแทน และมีการทำ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า สำหรับวัตถุดิบหลักบางส่วนเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา
บริษัทฯ ยังคง มีแผนการปิดสาขาที่ไม่สามารถทำกำไรได้ตามเป้าหมาย มุ่งเน้น การขยายและการทำกำไรในแบรนด์หลัก เพื่อเพิ่มอัตราการทำกำไรของบริษัทฯ และพิจารณาเปิดสาขาใหม่ด้วยความระมัดระวัง โดยเน้นขยายสาขาในแบรนด์หลักที่มีอัตราการทำกำไรสูง
แนวโน้มธุรกิจปี 2568
ธุรกิจโรงแรม:
ภาพรวมปี 2568 คาดการณ์อัตราการเข้าพักเฉลี่ย (รวมโรงแรมร่วมทุน) 74% – 77% รายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPAR) อยู่ที่ 4,500 – 4,800 บาท และรายได้รวม (รวมโรงแรมร่วมทุน) คาดว่าจะเติบโตประมาณ 23% YoY โดยปัจจัยส่งเสริมการเติบโตที่สำคัญ ได้แก่
• การเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้โรงแรมในประเทศไทย
• การรับรู้รายได้เต็มปีเป็นปีแรก จากโรงแรมที่มีการปรับปรุงครั้งใหญ่และโรงแรมเปิดใหม่ ได้แก่
o โรงแรมเซ็นทารา กะรน ภูเก็ต
o โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา
o โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์
• กำหนดการเปิด โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์ ในเดือน เมษายน 2568 และผลการดำเนินงานเต็มปีปีแรกของโรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์
• ผลการดำเนินงานของโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า ซึ่งคาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากงาน World EXPO 2025 ในช่วง เมษายน – ตุลาคม 2568
ธุรกิจอาหาร:
ในปี 2568 บริษัทฯ ประมาณการอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (Same-Store-Sales: SSS) (ไม่รวมกิจการร่วมค้า) 3% – 5% เทียบปีก่อน และ อัตราการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขา (Total-System-Sales: TSS) คาดว่าจะอยู่ในช่วง 6% – 8% เทียบปีที่ผ่านมา สำหรับการขยายสาขา ณ สิ้นปี 2568 คาดว่าจำนวนสาขาจะเพิ่มขึ้นประมาณ 4%-5% เทียบ สิ้นปี 2567 จากการ มุ่งเน้นการขยายสาขาในแบรนด์ที่มีอัตราทำไรไรสูงเป็นหลัก