หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กรุงศรี ปรับคำแนะนำสำหรับ NEO เป็น NEUTRAL (จากเดิม BUY) ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 35 บาท (จาก 39 บาท) แม้ว่าการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้จะเน้นย้ำถึงการเติบโตของรายได้ที่เป็นบวกจากผลิตภัณฑ์ใหม่และการขยายช่องทางการจำหน่าย แต่ความท้าทายอย่างต่อเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นและค่าเสื่อมราคาจากโรงงานใหม่ ทำให้นักวิเคราะห์ปรับลดประมาณการกำไรสำหรับปี 25-26F ลง 6-10%
ดังนั้น คาดว่ากำไรสุทธิในปี 25F จะลดลง 13% yoy เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าการเติบโตของรายได้ โดยคาดอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ย 2 ปี (FY25-27F) ที่เพียง 7% ท่ามกลางแนวโน้มต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น จึงมองว่าหุ้นนี้มีความน่าสนใจน้อยลง แม้ว่าปัจจุบัน PER จะอยู่ที่ 10 เท่า ก็ตาม
มุมมองปกติจากการประชุมนักวิเคราะห์จากข้อมูลที่คลาดเคลื่อนกัน
นักวิเคราะห์คาดการณ์การเติบโตของรายได้ FY25F ที่ 10% yoy ใกล้เคียงกับเป้าหมายของบริษัทที่คาดเติบโต 2 หลัก โดยผู้บริหารคาดว่าการเติบโตของรายได้จะมาจาก
- การเติบโต 2 หลัก สำหรับยอดขายในประเทศจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ (50 SKUs ใน 1Q25F และ 207 SKUs ในปี 2024) โดยเฉพาะใน กลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมแมส ซึ่งคาดว่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายในปี 2026F จากปัจจุบันที่ 5%
- การฟื้นตัวของยอดขายส่งออก ได้แรงหนุนจากผลิตภัณฑ์และช่องทางใหม่ใน 20 ประเทศ รวมถึงการกลับมาอย่างแข็งแกร่งในเวียดนาม (ยอดขาย YTD เพิ่มขึ้น 40% yoy) คาดว่ารายได้จากการส่งออกจะเติบโต 10% yoy ต่ำกว่าเป้าหมาย 20% ของผู้บริหาร
- บริษัทปรับเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นที่ 41-43% ต่ำกว่า 45% ใน FY24 เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโรงงานใหม่ ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนมีนาคมนี้
ปรับลดประมาณการกำไรปี FY25-26F จากมาร์จิ้นที่ถูกกดดัน
ได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิสำหรับปี 25-26F ลง 6-10% ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิอยู่ที่
- 879 ล้านบาท (-13% yoy) สำหรับปี 25F
- 934 ล้านบาท (+6% yoy) สำหรับปี 26F
สาเหตุหลักมาจากการลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นเหลือ 42% (จากเดิม 44%) จาก 45% ในปี 24 ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนใน 4Q24 โดยอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 42.8% จาก 45.7% ใน 9M24
รวมถึงต้นทุนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นและการดำเนินงานของโรงงานใหม่ ทั้งนี้ ประเมินว่าการเปลี่ยนแปลงของอัตรากำไรขั้นต้น 1% อาจส่งผลกระทบต่อประมาณการกำไรของนักวิเคราะห์ได้ถึง 10%
ปรับคำแนะนำเป็น Neutral ราคาเป้าหมายใหม่ 35 บาท (จาก 39 บาท)
ราคาเป้าหมายอิงจาก 12x 2025F P/E ซึ่ง -20% จากค่าเฉลี่ยของ Sector เนื่องจากการคาดการณ์การเติบโตที่ต่ำ จึงปรับคำแนะนำเป็น Neutral จากเดิม Buy เพื่อสะท้อนแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนตัว
คาดว่ากำไรเติบโตเฉลี่ยเพียง 7% ต่อปี (2 ปี CAGR FY25-27F) เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการเติบโตของรายได้ สำหรับความเสี่ยง upside/downside มาจาก ต้นทุน/รายได้ ที่ดีกว่าคาด