หุ้นวิชั่น – PTG โชว์กำไรปี 2567 โต 7.9% แตะ 1.04 พันลบ. ด้านแนวโน้มปี 2568 ตั้งเป้าขยายสถานีบริการน้ำมัน 2,279 สาขา และ Non-Oil (ไม่รวม LPG) แตะ 2,978 สาขา พร้อมคาดการณ์ การเติบโตของ Non-Oil ที่ 40-50% YoY และ EBITDA โต 8-12% YoY ส่วนงบลงทุนที่ 3-4 พันล้านบาท
บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567
เศรษฐกิจไทยปี 2567 ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยได้รับแรงหนุนจาก การขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว และ การบริโภคภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนในบางหมวดจะชะลอตัว ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อโดยรวมอยู่ในระดับต่ำ แต่ยังมีความผันผวนในบางช่วงของปี ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามองในสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงมีความไม่แน่นอน ทั้งนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังและเตรียมรับมือกับ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และ ผลกระทบจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ส่งผลต่อราคาพลังงานโลก
ผลประกอบการปี 2567 ของ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”)
บริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิ 1,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% YoY การเติบโตดังกล่าวได้รับแรงหนุนจาก รายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 27,002 ล้านบาท แตะระดับ 225,813 ล้านบาท
ปัจจัยหลักของการเติบโตมาจาก ธุรกิจน้ำมัน (Oil) ที่ขยายตัว 12.3% YoY ตามการเพิ่มขึ้นของ ปริมาณจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทาง ที่เติบโตถึง 12.5% YoY คิดเป็นปริมาณรวม 6,708 ล้านลิตร โดยมาจาก ยอดขายผ่านสถานีบริการ PT ที่ 6,548 ล้านลิตร สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เติบโต 12.9% YoY สูงกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมมากกว่า 10 เท่า เนื่องจากภาพรวมปริมาณการใช้น้ำมันของประเทศผ่านสถานีบริการเติบโตเพียง 0.4% YoY
การเติบโตที่แข็งแกร่งนี้ทำให้บริษัทฯ ขยายส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 21.9% โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจาก การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (Same-Store-Sales Growth: SSSG) ผ่าน กลุ่มลูกค้าสมาชิก Max Card และ Max Card Plus เป็นหลัก
ธุรกิจ Non-Oil เติบโตโดดเด่น
ธุรกิจ Non-Oil ของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญที่ 4,270 ล้านบาท หรือ 31.2% YoY เป็น 17,958 ล้านบาท โดยธุรกิจกาแฟ “พันธุ์ไทย” มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น 82.6% YoY แตะ 2,266 ล้านบาท
การเติบโตดังกล่าวได้รับแรงหนุนจาก การขยายสาขาเพิ่มขึ้น 465 สาขา จาก 882 สาขา เป็น 1,347 สาขา หรือคิดเป็น การขยายเฉลี่ย 1.3 สาขาต่อวัน รวมถึง SSSG จากกลุ่มลูกค้าสมาชิก เป็นหลัก ผ่าน การดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดและแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง
รายได้จากธุรกิจ Non-Oil และการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าขยะ
ส่วนหนึ่งของรายได้ผ่านธุรกิจ Non-Oil ที่เพิ่มขึ้น มีผลมาจาก การบันทึกบัญชีตามมาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 12 (TFRIC 12) อันเป็นผลจากสิทธิในการให้บริการภายใต้ ข้อตกลงสัมปทานธุรกิจ กำจัดขยะมูลฝอยเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากชุมชนเทศบาลเมืองบ้านพรุ (ธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะ) โดยรับรู้รายได้คู่ต้นทุน จำนวน 558 ล้านบาท ตามการรับรู้สิ่งตอบแทนที่ได้รับสำหรับ มูลค่าเริ่มแรกด้วยมูลค่ายุติธรรมในสินทรัพย์ไม่มีตัวตน ตามเงื่อนไขของข้อตกลงสัมปทาน
มุมมองของผู้บริหารและทิศทางในการดำเนินธุรกิจ
เป้าหมายด้านการดำเนินงานและการเงินของปี 2568E
เป้าหมายจำนวนสาขาธุรกิจและการดำเนินงาน
• สถานีบริการน้ำมัน: 2,279 สถานีบริการ
• ธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวม LPG): 2,978 สาขา
• สาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทย: 1,947 สาขา
• Touchpoints อื่น ๆ ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil: 1,031 สาขา
เป้าหมายการเติบโต
• อัตราการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน: 5-10% YoY
• อัตราการเติบโตของยอดขายในธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวม LPG): 40-50% YoY
• สัดส่วนกำไรขั้นต้นในธุรกิจ Non-Oil: 30-35%
• อัตราการเติบโตของ EBITDA: 8-12% YoY
• งบลงทุน: 3,000 – 4,000 ล้านบาท
มุมมองของผู้บริหารและทิศทางในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ปี 2568
ในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงแสดงให้เห็นถึง การเติบโตที่แข็งแกร่ง ในธุรกิจหลักทั้ง Oil และ Non-Oil โดยปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโตสูงกว่าภาพรวมอุตสาหกรรม และธุรกิจ Non-Oil ยังคงสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการขยายสาขาและการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม
สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้น การขยายเครือข่ายธุรกิจในทุกมิติ พร้อมพัฒนาระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยตั้งเป้าหมาย การเติบโตของธุรกิจน้ำมันที่ 5-10% YoY และ ธุรกิจ Non-Oil ที่ 40-50% YoY พร้อมขยายสถานีบริการและ Touchpoints ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ธุรกิจ Oil
บริษัทฯ ตั้งเป้า การเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน 5-10% YoY พร้อมขยายเครือข่ายสถานีบริการ ปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าผ่าน โซลูชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่
ปัจจัยมหภาคยังมีบทบาทสำคัญต่อแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันในปี 2568 โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (“สภาพัฒน์”) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในกรอบ 2.3%-3.3% ในปี 2568 โดยได้รับแรงหนุนจาก การบริโภคภาคเอกชน การส่งออกสินค้า การลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน และการท่องเที่ยว ซึ่ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (“ททท.”) ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2568 ที่ 40 ล้านคน สร้างรายได้ระหว่าง 1.98–2.23 ล้านล้านบาท คาดว่าจะเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์
สำหรับปัจจัยภายใน บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายสถานีบริการ PT อย่างต่อเนื่อง โดย เน้นขยายสาขาในทำเลที่มีศักยภาพ ควบคู่กับการ Renovate สถานีบริการ และพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
การเติบโตของฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน กว่า 25 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสนับสนุน การขยายตัวของยอดจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการ PT โดยตรง จากพฤติกรรมการใช้ซ้ำและสิทธิประโยชน์ที่ออกแบบให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า
ธุรกิจ Non-Oil
บริษัทฯ ตั้งเป้าหมาย การเติบโตของรายได้จากธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวม LPG) ที่ 40-50% YoY ในปี 2568 โดยมุ่งเน้น การขยาย Touchpoints อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า
บริษัทฯ ตั้งเป้าหมาย ขยายธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวมธุรกิจ LPG) เป็น 2,978 สาขา ซึ่งรวมถึง
• ร้านกาแฟพันธุ์ไทย 1,947 สาขา
• Touchpoints อื่น ๆ ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil 1,031 สาขา
กาแฟพันธุ์ไทยยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของธุรกิจ Non-Oil โดยใช้กลยุทธ์การ เลือกทำเลที่มีศักยภาพสูง เพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ผ่าน ฐานข้อมูลสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ สามารถกำหนดพื้นที่ขยายสาขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นไปยังทำเลที่มีศักยภาพ เช่นย่านใจกลางเมือง (CBD)
หัวเมืองหลักในจังหวัดต่าง ๆศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการ โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัย
การเติบโตของกาแฟพันธุ์ไทย ไม่ได้มาจากเพียงการขยายสาขาเท่านั้น แต่ยังได้รับแรงสนับสนุนจาก การเติบโตของ SSSG ซึ่งขยายตัวต่อเนื่องจาก ความต้องการของลูกค้าสมาชิกและบุคคลทั่วไปที่เพิ่มขึ้น รวมถึง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภค
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยาย Autobacs เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ Max Mart เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคที่เข้าถึงง่าย และ Subway เพื่อเพิ่มทางเลือกด้านอาหารเพื่อสุขภาพให้กับลูกค้าในสถานีบริการน้ำมันและพื้นที่เชิงพาณิชย์
แนวโน้มกำไรและการบริหารต้นทุน
จากกลยุทธ์การขยายธุรกิจดังกล่าว บริษัทฯ คาดว่า สัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil จะอยู่ที่ 30-35% โดยได้รับแรงหนุนจาก การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ การเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และ การพัฒนาแคมเปญส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นการใช้บริการซ้ำและเพิ่มความภักดีของลูกค้า
บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า ธุรกิจ Non-Oil โดยเฉพาะกาแฟพันธุ์ไทย จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยผลักดันการเติบโตขององค์กรในปี 2568 ผ่าน การขยายเครือข่ายที่แข็งแกร่ง และ การพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม