SCC ปี67 กำไร 6.3พันล. ต่ำคาด ปันผล 5บ.

          หุ้นวิชั่น – SCC ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 6,342 ล้านบาท ต่ำกว่าโบรกคาด แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและอัตรากำไรธุรกิจปิโตรเคมีที่อยู่ในระดับต่ำ แต่รักษากระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง EBITDA อยู่ที่ 53,946 ล้านบาท เตรียมจ่ายปันผลอีก 2.50 บาท รวมทั้งปีจ่ายทั้งสิ้น 5 บาทต่อหุ้น คาดปี 68 มี EBITDA ที่ดีขึ้น ตั้งงบลงทุน 3-3.5 หมื่นล้านบาท

          บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC รายงานว่าในปี 2567 เอสซีจีมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง จาก EBITDA อยู่ที่ 53,946 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ EBITDA ในปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 54,143 ล้านบาท แม้ว่าสถานการณ์โลกยังอยู่ในช่วงที่ท้าทาย และจากอัตรากำไรของธุรกิจปิโตรเคมียังอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ EBITDAสำหรับปี 2567 เป็นผลมาจากการบริหารจัดการภายใน มาตรการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงมีสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง สินค้าปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ และสินค้า SCGC Green Polymer นอกจากนี้ เอสซีจีได้ดำเนินการมาตรการเร่งด่วนส่งผลทางด้านการเงินและการเพิ่มประสิทธิภาพ ดังนี้

• ปรับโครงสร้างการดำเนินงานและธุรกิจ และการหยุดธุรกิจที่ไม่ทำกำไรในปี 2567 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในอนาคต
• เงินปันผลรับอยู่ในระดับสูง หลัก ๆ จากการลงทุนในธุรกิจอื่น (SCG Investment) ในปี 2567 เอสซีจีมีเงินปันผลรับอยู่ที่ 14,063 ล้านบาท โดยเงินปันผลรับในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 อยู่ที่ 7,671 ล้านบาท หลัก ๆ จากธุรกิจเครื่องจักรกล
การเกษตร และธุรกิจยานยนต์
• ลดเงินทุนหมุนเวียน เงินทุนหมุนเวียนสุทธิในปี 2567 ของเอสซีจี ลดลงประมาณ 6,200 ล้านบาทจากปีก่อน
• ลดภาระหนี้ หนี้สินสุทธิของเอสซีจีในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ลดลงมาอยู่ที่ 295,104 ล้านบาท จาก 311,881 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567

          เมื่อพิจารณาจาก EBITDA ในปี 2567 ที่อยู่ในระดับที่มั่นคง คณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ในอัตรา 5.0 บาทต่อหุ้น รวมเป็นจำนวนเงิน 6,000 ล้านบาท คิดเป็น 95% ของกำไรสำหรับปี ทั้งนี้บริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับครึ่งปีแรกในอัตรา 2.5 บาทต่อหุ้น และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตรา 2.5 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงิน 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 มีนาคม 2568

          ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับผลประกอบการเอสซีจีในปี 2567: ท่ามกลางความท้าทายในระดับโลกและในระดับภูมิภาคจากหลากหลายอุตสาหกรรม เอสซีจีมีกำไรสำหรับปี 2567 อยู่ที่ 6,342 ล้านบาท ภาพรวมสถานการณ์โลกประกอบด้วยหลายปัจจัยจากความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ อัตรากำไรธุรกิจปิโตรเคมียังอยู่ในระดับต่ำ ต้นทุนพลังงานที่ยังมีความผันผวนและอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง ในขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมปิโตรเคมีทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างมาก จากอัตรากำไรที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการปิโตรเคมีหลายรายต้องหยุดดำเนินการ

          ภาพรวมสถานการณ์ในประเทศไทย มีการฟื้นตัวและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป การเบิกจ่ายงบประมาณรัฐที่ล่าช้าจากปีก่อน อุปสรรคจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และความท้าทายจากสินค้าประเทศจีนที่ขยายตลาด รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ นอกจากนี้ เอสซีจีเคมิคอลส์ (เอสซีจีซี) ได้มีการดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการลองเซินปิโตรเคมิคอลส์คอมเพล็กซ์ที่ประเทศเวียดนาม (LSP) ส่งผลทำให้ในปี 2567 มีค่าใช้จ่าย(จากค่าเสื่อมราคา และดอกเบี้ย) ประมาณ 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้ รายได้จากการขายของเอสซีจีสำหรับปี 2567 อยู่ที่ 511,172 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน
Outlook ในปี 2568

เอสซีจีคาดว่าจะมี EBITDA ที่ดีขึ้นในปี 2568 ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก

• ราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลง และการกระตุ้นเศรษฐกิจจากประเทศจีน ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจปิโตรเคมี
• การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในประเทศไทยคาดว่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง งานโครงการจากภาครัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และการก่อสร้าง
• การเติบโตในภูมิภาคยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย
• เอสซีจีดำเนินงานต่อเนื่องในการบริหารจัดการภายใน ใช้มาตรการลดต้นทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงการเร่งแผนการดำเนินงานที่สำคัญ
• คาดการณ์รายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนสำหรับปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 30,000-35,000 ล้านบาท
• เอสซีจีเร่งดำเนินงานต่อเนื่อง เช่นเพิ่มสัดส่วนสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง ขยาย ปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ Gen II และ Gen III และเร่งขยาย ปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำไปยังตลาดอาเซียน พัฒนา SCGC Green Polymerเดินหน้า โครงการก๊าซอีเทน LSP ดำเนินแผนการ ขายสินทรัพย์ (Asset Divestments) เป็นต้น

          โดย บล. ดาโอ คาดการณ์ว่า กำไรปี 2567 ของ SCC ที่ กำไรของบริษัทจะฟื้นตัวได้ชัดเจนมากขึ้นในปี 2025E คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567-2568 ที่ 8.5/13.3 พันล้านบาท เทียบกับ 2.59 หมื่นล้านบาทในปี 2023 ประเมินราคาเป้าหมายที่ 230 บาท

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

THAI จับมือ BA พัฒนาธุรกิจศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน

THAI จับมือ BA พัฒนาธุรกิจศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน

MEDEZE โชว์ศักยภาพธุรกิจ ในงาน Opp Day Year End 2024

MEDEZE โชว์ศักยภาพธุรกิจ ในงาน Opp Day Year End 2024

เปิด 8 หุ้นรอด รับมือ SET เสี่ยงร่วง หลังจบศึกซักฟอก “แพทองธาร”

เปิด 8 หุ้นรอด รับมือ SET เสี่ยงร่วง หลังจบศึกซักฟอก “แพทองธาร”

PRM เปิดแผนลงทุนใหม่ พร้อมรับรู้รายได้ Q1/68

PRM เปิดแผนลงทุนใหม่ พร้อมรับรู้รายได้ Q1/68

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด