หุ้นวิชั่น – นายไมเคิล เฮียง ลี Chief Financial Officer บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (TLI) เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทฯ คาดมีกำไรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการเริ่มใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS17 ที่มีผลตั้งแต่เดือนมี.ค.นี้ ประกอบกับการมุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไร VONB สูง ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตในปีนี้ รวมถึงการพัฒนาช่องทางการจำหน่ายผ่านตัวแทนประกัน ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น จากการส่งเสริมความรู้เพิ่มเติม ทำให้เชื่อมั่นว่าจะสามารถอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้
ทั้งนี้ ด้วยเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมาลูกค้า มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยลง เช่น ผลิตภัณฑ์สะสมทรัพย์ ที่มีผลตอบแทนที่การันตี ขณะที่ในปีนี้เศรษฐกิจน่าจะยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่ บริษัทฯ ก็มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และยังคงนำสนอผลิตภัณฑ์ Participating ที่ลูกค้ามีส่วนร่วมในเงินปันผล เนื่องด้วยเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น จะทำให้ลูกค้าได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ประเภทให้ความคุ้มครอง เช่น ประกันสุขภาพ โดย TLI เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือประกันสุขภาพสัญญาเพิ่มเติมในเดือนมี.ค.นี้ คาดจะส่งผลบวกต่ออัตรากำไรดีขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อน
สำหรับการเริ่มใช้ ระบบร่วมจ่ายค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล หรือ Co-payment คาดเป็นประโยชน์ระยะยาวของประกันสุขภาพ และแม้ว่าจะส่งผลให้ไตรมาส 1/2568 มีความต้องการประกันสุขภาพสูงขึ้น หรือมีการตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพในช่วงนี้มากขึ้น จากไม่อยากจ่ายร่วม ก่อน Co-payment มีผลบังคับใช้ในเดือนมี.ค.2568 แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ส่งผลให้ความต้องการประกันสุขภาพในช่วงที่หลือของปีน้อยลง เนื่องจากยังมองเห็นความต้องการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทางบริษัทฯ ก็ยังมีการทำการตลาด เพื่อสนับสนุนประกันสุขภาพเพิ่มเติมด้วย
กลยุทธ์การลงทุนของบริษัทฯ ยังเน้นการลงทุนในระยะยาว เพื่อให้สอดคล้องกับภาระหนี้ตามสัญญาประกันภัยที่มีกับลูกค้า ซึ่งความผันผวนของดอกเบี้ยในระยะสั้น อาจไม่ได้มีผลต่อการปรับสัดส่วนการลงทุนของบริษัทฯ มากนัก โดยสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ และตราสารทุน ยังไม่เปลี่ยนแปลงจากปีที่ผ่านมา แต่อาจมีการปรับสมดุลของพอร์ตลงทุน (Rebalance Portfolio) ให้สอดคล้องตามภาวะตลาดบ้าง
“เราได้มีการรีวิวแผนการลงทุนตั้งแต่ปลายปีก่อน เนื่องจากเห็นว่าดอกเบี้ยมีโอกาสปรับตัวลงต่อเนื่อง เราจึงมีการทำสัญญาซื้อล่วงหน้าตราสารหนี้ไว้จำนวนหนึ่ง จึงทำให้เราค่อนข้างมั่นใจว่าปีนี้ เราจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ อาจไม่แตกต่างไปจากปีก่อนมาก” นาย Michael Heang Ly กล่าว