[Vision Exclusive] SCGD ดีมานด์พุ่ง รับแผ่นดินไหว-LTV หนุน Q2/68 โต

          หุ้นวิชั่น – SCGD แรงหนุนดีมานด์กระเบื้อง ผนัง และสุขภัณฑ์พุ่ง หลังเหตุแผ่นดินไหวในไทย หนุนการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ประกอบกับนโยบายรัฐผ่อนคลาย LTV ชั่วคราวช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ด้านต่างประเทศฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะเวียดนามจากการแก้ไขกฎหมายที่ดิน ฟิลิปปินส์-อินโดฯ รับแรงหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังเลือกตั้ง พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 2568 โต 5% เดินหน้าแผนลงทุน 4,000 ล้านบาท จ่อ M&A โรงงานในต่างประเทศ

          นางสาวกิรณา ดุลยประพันธ์ นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) (SCGD) เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่นว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 คาดมีความต้องการสินค้าประเภทกระเบื้องและผนังมากขึ้น เพื่อปรับปรุง ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย หลังเหตุแผ่นดินไหวในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา

          รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะเรื่องของการผ่อนคลายมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ Loan to Value (LTV) เป็นการชั่วคราว สำหรับสัญญาเงินกู้ที่ทำสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 – วันที่ 30 มิถุนายน 2569 คาดช่วยสนับสนุนความต้องการกระเบื้อง ผนัง และสุขภัณฑ์ ตามมา  และสนับสนุนการเติบโตในไตรมาสนี้ จากปกติไตรมาส 2 จะเป็นช่วงของโลซีซั่น ที่จะมีวันหยุดยาวค่อนข้างมาก

          ขณะที่ธุรกิจในประเทศเวียดนาม แนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง จากปัญหาของภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มได้รับการแก้ไข หลังจากการออก ร่าง กฎหมายที่ดินฉบับแก้ไข เมื่อเดือนสิงหาคม 2567  ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานจะสามารถฟื้นตัว (Recovery) ได้ตั้งแต่ในไตรมาส 2/2568 เป็นต้นไป จากไตรมาส 4/2567 และปี 2567 มีรายได้จากการขายลดลง ผลจากภาวะเศรษฐกิจเวียดนาม

          ส่วนประเทศฟิลิปปินส์ แนวโน้มดีขึ้น จากเงินเฟ้อเริ่มทรงตัวในระดับต่ำ เช่นเดียวกับประเทศอินโดนีเซีย ที่คาดมีแรงหนุนจากการใช้จ่ายในประเทศดีขึ้น หลังผ่านพ้นในเรื่องของการเลือกตั้งต่างๆ ไปแล้ว รวมถึงเริ่มได้รับผลเชิงบวกจากนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาฯ และกฎหมายกีดกันการทุ่มตลาดโดยคาดว่าจะเริ่มเห็นภาพชัดเจนหลังเดือนพ.ค.2568

          ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากประเทศไทย อยู่ที่ 65% ขณะที่ต่างประเทศอยู่ที่ 35% หลักๆ แบ่งเป็น ประเทศเวียดนาม 21%, ประเทศฟิลิปปินส์ 10% และประเทศอินโดนีเซีย 5%

          ส่วนผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐ ปัจจุบันได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากมีสัดส่วนส่งออกไปสหรัฐ ต่ำกว่า 1% แต่ต้องรอดูหลังผ่านพ้น 90 วัน อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม SCGD ได้เตรียมความพร้อม เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเบื้องต้นจะมุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุนภายในองค์กร, เน้นขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) มากขึ้น รวมไปถึงการรักษาฐานมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ในประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อย่างต่อเนื่อง

          นอกจากนี้ มองเป็นโอกาสของประเทศไทยในการร่วมมือกับผู้ผลิตระดับโลก อย่างจีน หลังจากจีน โดนผลกระทบทางภาษีค่อนข้างหนัก และทำให้การส่งออกไปสหรัฐยากขึ้น จึงมีแนวโน้มที่จีนจะย้ายฐานผลิตมาไทย

          นางสาวกิรณา กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้ไว้ที่ 5% จากปีก่อนอยู่ที่ 25,563 ล้านบาท และกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อนอยู่ที่ 3,134 ล้านบาท จากสถานการณ์ตลาดวัสดุตกแต่งพื้นผิว กระเบื้องเซรามิก และสุขภัณฑ์ ในภูมิภาคอาเซียนเริ่มทยอยฟื้นตัวจากมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐทั้งในประเทศและต่างประเทศ

          ด้านงบลงทุนวางไว้ที่ 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 2,000 ล้านบาท ใช้ลงทุนตามปกติ ส่วนอีก 2,000 ล้านบาท จะรองรับการทำ M&A หรือการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างมองกาโอกาสในการเข้าซื้อโรงงาน หรือเข้าไปร่วมลงทุนโรงงานในต่างประเทศ หากมีความชัดเจนจะแจ้งให้ทราบต่อไป

Q1กำไร 217 ล้าน

          ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2568 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวสูงขึ้น โดยบริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 808 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% และมีกำไรในส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 217 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171% แม้ว่ารายได้จากการขายจะทรงตัว เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายที่ลดลงจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา รวมถึงต้นทุนขายและต้นทุนทางการเงินที่ลดลง อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 บริษัทมี EBITDA ลดลง 5% กำไรในส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นลดลง 16% และรายได้จากการขายลดลง 12% ตามสถานการณ์ตลาดโดยรวม

          ด้านบล.ยูโอบีฯ คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 ของ SCGD ไว้ที่ 222 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 178% QoQ เป็นผลมาจาก ผลกระทบจากค่าเงินบาทลดลงจากไตรมาส 4/2567 โดยในไตรมาสแรกนี้ค่าเงินบาทกลับมาในทิศทางที่อ่อนค่ามากขึ้น (SCGD มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศราว 35-40%), ยอดขายที่ปรับตัวขึ้นตามฤดูกาล โดยเฉพาะรายได้จากการขายในไทย และต้นทุนเชื้อเพลิงที่ปรับลดลง ทำให้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ SCGD ในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 25.5% เทียบกับไตรมาส 4/2567 ที่ 24.9% และไตรมาส 1/2567 ที่ 23.9%

แนะนำ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 5.4 บาท

รายงานโดย : พชรธร ภูมิคำ รองบรรณาธิการข่าว Hoonvision

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

DRT กำไรเหลือ 106.11 ลบ. กำลังซื้อที่อยู่อาศัยไม่ฟื้น

DRT กำไรเหลือ 106.11 ลบ. กำลังซื้อที่อยู่อาศัยไม่ฟื้น

CIVIL รายได้โตแตะ 1,126 ลบ. ส่งมอบงานตามแผน

CIVIL รายได้โตแตะ 1,126 ลบ. ส่งมอบงานตามแผน

MTC กำไรโต 13.1% ขยายพอร์ตสินเชื่อหนุน

MTC กำไรโต 13.1% ขยายพอร์ตสินเชื่อหนุน

SPALI ควัก 2 พันลบ. ซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 120 ล้านหุ้น

SPALI ควัก 2 พันลบ. ซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 120 ล้านหุ้น

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด