หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาด SET Index ขึ้นก่อนและอ่อนทีหลัง: แรงหนุนจากความหวังว่าภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ มีโอกาสเจรจาและบรรลุข้อตกลงได้ รวมถึงท่าทีที่ผ่อนปรนต่อยานยนต์ของปธน.ทรัมป์ หากแต่มีแรงกดดันจากเศรษฐกิจไทยยังไม่ดีนักในสายตาชาวโลก รวมถึงติดตามการประชุมกนง. วันนี้ ซึ่งคาดเป็นแรงกดดัน
กลยุทธ์การลงทุน
เก็งงบ 1Q68: ADVANC, BDMS, BEM, BTG, CPF, GFPT, STECON, TFG, TRUE, TTW
Thai ESGX: AMATA, GULF, KBANK
Selective: BH, DELTA, OR, PR9, PT, PTG
Short sell: AP, BA, HMPRO, PTTGC, SPALI
• การเจรจาเป็นไปได้และเริ่มเห็นสัญญาณดี: คาด Sentiment หนุนมาจากความกังวลต่อเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ลดลง ท่ามกลางความหวังว่าประเทศคู่ค้าต่างๆ จะสามารถเจรจากับสหรัฐฯ ได้ หลังเมื่อคืนที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์เผยว่าจะทำข้อตกลงกับอินเดีย ซึ่งความเห็นข้างต้นเกิดขึ้นหลังจากรมต.คลังสหรัฐฯ เผยว่าสหรัฐฯ ใกล้ได้ข้อสรุปข้อตกลงกับอินเดีย รวมถึงยังหารือจริงจังกับญี่ปุ่นเรื่องข้อตกลงการค้าและกำลังจะมีโครงร่างข้อตกลงกับเกาหลีใต้ นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้ลงนามประกาศแก้ไขภาษีศุลกากรต่อยานยนต์และชนิดส่วนเพื่อป้องกันไม่ให้ภาษีศุลกากรทับซ้อนกับภาษีอื่นๆ ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีภาษีเหล็กและอลูมิเนียมหรือภาษีที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิลของจีนทับซ้อนกับภาษีนำเข้ายานยนต์
• เศรษฐกิจไทยน่ากังวลในสายตาโลก: หลังจากที่ World Bank และ IMF คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 68 จะขยายตัวได้เพียง 1.6% และ 1.8% ตามลำดับ ล่าสุด Moody’s ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของไทยจากระดับ “มีเสถียรภาพ” สู่ระดับ “เชิงลบ” โดยเป็นการสะท้อนความเสี่ยงที่ว่าความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและทางการคลังของไทยจะอ่อนแอลง โดยส่วนหนึ่งเกิดจากมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเก็บภาษีเพิ่มเติม
• กนง.อาจ Wait and see ไปก่อน: ติดตามการประชุมกนง.วันนี้ ทางฝ่ายคาดกนง.จะ Wait and see กล่าวคือคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.00% เพื่อเป็นการรักษา Policy space ท่ามกลางนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง นอกจากนี้ จากการที่ Shock ทางเศรษฐกิจในครั้งนี้ค่อนข้างใหญ่ แต่ค่อนข้างเจาะจงไปกับการส่งออก นโยบายการเงินจึงอาจไม่ใช่เครื่องมือในการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายมีมุมมองว่ากนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 2 ครั้งในปีนี้ ครั้งละ 0.25% เพื่อรองรับปัจจัยเสี่ยงด้านต่อต่อเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนมิ.ย. 68 และ 3Q68 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กนง.มีแนวโน้มประเมินภาพเศรษฐกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าปัจจุบัน นอกจากนี้ ติดตามการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยของธปท. หลังในวันที่ 17 เม.ย. 67 ธปท.เผยว่ามาตรการภาษีของปธน.ทรัมป์จะส่งผลให้ GDP ไทยปี 68 ขยายตัวได้ไม่ถึงตัวเลขที่เคยประเมินไว้ในการประชุมกนง.รอบเดือนก.พ. 68 ที่ 2.5% หรือมากกว่า 2.5% นิดหน่อย
