[Vision Exclusive] กองทุนเล็งซื้อ 24หุ้น ตุน 2หมื่นล้านจ่อลุย

          หุ้นวิชั่น –  จับตา 24 หุ้นเป้าหมาย มีโอกาสรับเม็ดเงินกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG Extra: Thai ESGX) ไหลเข้า จากการเสนอขายหน่วยลงทุน Thai ESGX ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 และรองรับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจาก LTF เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทั้งหมด 19 แห่ง รวม 37 กองทุน คาดระดมเงินลงทุนได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท

          นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “หุ้นวิชั่น” ว่า ประเมินเม็ดเงินระดมทุนกองทุน Thai ESGX น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ได้คาดการณ์เอาไว้ แต่ไม่อยากให้คาดหวังมากว่าจะหนุนต่อตลาดหุ้นไทย (SET Index) อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปัจจัยที่จะทำให้ SET ไปต่อได้ มาจากในเรื่องของปัจจัยพื้นฐาน และภาพเศรษฐกิจไทย เป็นหลัก ซึ่ง Thai ESGX ก็อาจเข้ามาช่วยได้เล็กน้อย

          อย่างไรก็ตามคาดหุ้นที่จะเป็นเป้าหมายของกองทุนดังกล่าว น่าจะเป็นหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ ที่เป็นกลุ่ม Domestic Play และมีพื้นฐานดี เช่น CPALL, BJC, BDMS, CPN, ADVANC, BBL และ KBANK  เป็นต้น    

          นายสุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้อำนวยการสายงานวิจัย ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ได้คาดการณ์ว่าจะมีเม็ดเงินระดมทุนในรอบนี้ไม่ต่ำกว่า 1.5-2 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงกว่า เมื่อเทียบกับกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยาว (SSF Extra : SSFX) ที่เสนอขายในรอบที่ผ่านมา ที่ได้มีการประเมินไว้ราว 3-5 พันล้านบาท เนื่องจาก AIMC มองว่า SET อยู่ในโซน Deep Value และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยเกิน 4%  ทำให้มองว่าจะมีความต้องการเข้ามาอยู่พอสมควร

          ทั้งนี้หากเป็นไปตามคาดการณ์ ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ประเมินว่าเงินใหม่ทุกๆ 1 หมื่นล้านบาท SET จะบวกได้ 20-25 จุด ขณะที่หุ้นที่มีความน่าสนใจ ยังเน้นไปที่หุ้น 3 กลุ่ม โดยพิจารณาจากความเปรียบ คือ

  1. 10 หุ้น Deep Value ประกอบด้วย CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP, HMPRO, KBANK, BBL และ AOT เนื่องด้วยมีพื้นฐานมั่นคงใน 1-2 ปีนี้
  2. หุ้น High Yield อาทิ สื่อสาร : ADVANC, ธนาคาร : KTB, KBANK, SCB, BBL, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ : AP, LH
  3. หุ้น New S Curve โดยเฉพาะ Infrastructure Tech อาทิ โรงไฟฟ้า เช่น GULF, GPSC, สื่อสาร เช่น ADVANC, TRUE และกลุ่มรับเหมา เช่น STECON

          บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด มองหุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX  โดยพิจารณาจากปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY, ฐานะการเงินแกร่ง และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 3% พบว่ามีหุ้นน่าสนใจ SET50 ได้แก่ ADVANC, BDMS, CPALL, PTT และ SET100 เช่น BCH, BTG, AP

          บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุ เนื่องจากหุ้นที่มี SET ESG Rating หรือ GHG มีจำนวนมากกว่า 242 หุ้น ทางฝ่ายจึงได้ทำการคัดเลือก Top pick จากหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีการดำเนินงานด้าน ESG ดังนี้

    1. ADVANC ราคาพื้นฐาน 00 บาท

ทางฝ่ายมีมุมมองเชิงบวกระยะยาวต่อบริษัทจากจุดแข็งในการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ผลประโยชน์ จากการควบรวมของ GULF และ INTUCH รวมถึงการขยายสู่ธุรกิจ Data center ผ่านการร่วมทุนกับ GULF (40%) และ Singtel (35%) โดยถือหุ้นในสัดส่วน 25% ในโครงการศูนย์ข้อมูลขนาด 50 MW ซึ่งเป็น Tier 3+ รองรับลูกค้ากลุ่ม Hyperscalers และองค์กรไทย โดยเฟสแรก (25 MW) จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในปีนี้

ESG: ในปี 2567 บริษัทสามารถลดความเข้มข้นของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น จากปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 92% เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 98% เมื่อเทียบกับฐานปี 2558 นอกจากนี้ มีการวางแผนลดความเข้มข้นในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในปี 2573 (ปี ค.ศ.2030) โดยคิดจากสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรง และทางอ้อม รวมกันต่อปริมาณผู้ใช้งานข้อมูลลง 25% เทียบกับปี 2567

    1. AMATA ราคาพื้นฐาน 50 บาท

บริษัทมีระดับ Backlog สูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งมีนิคม Smart city-ชลบุรีเป็นนิคมใหม่ที่คาดว่าจะเริ่มโอนได้ในปีนี้ และมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่านิคมอื่น จะช่วยให้ปี 2568 มีรายได้จากการโอนที่ดินและอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น คาดการณ์กำไรทั้งปี 2,958 ล้านบาท ขยายตัว 19.1% y-y โดยจะเห็นภาพกำไรเข้ามาช่วง 2H68 โดดเด่นกว่า 1H68

ESG: บริษัทมีการปฏิบัติตามกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมทั้งในเรื่องของสภาพอากาศและการบริหารจัดการน้ำ ตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมและพรบ. นิคมอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อการขยายพื้นที่นิคม สร้างอาชีพและการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว และการใช้พลังงานทดแทน สำหรับลูกค้า ทำให้นิคมเป็นที่ต้องการของคู่ค้ามากขึ้น โดยบริษัทมีอัตราส่วนก๊าซเรือนกระจกหรือ GHG (Scope1+2) ต่อจำนวนไร่ ต่ำสุดในกลุ่มที่ 0.14 tCO₂eq/ไร่

    1. GULF ราคาพื้นฐาน 00 บาท

คาดกำไรปกติ 2Q68 เติบโต y-y จากการกำลังการผลิตใหม่ที่ COD ตั้งแต่ต้นปี นอกจากนี้ ผลกระทบจากความไม่แน่นอนของนโยบายค่าไฟของรัฐกระทบน้อย เนื่องจากสัดส่วนหลักเป็นโรงไฟฟ้า IPP ด้านธุรกิจดิจิทัลมองว่าจะเป็นอีกปัจจัยหนุนจากการควบรวมกับ INTUCH รวมถึง Data center เฟส 1 ขนาด 25 MW ที่คาดว่าจะเปิดดำเนินการภายใน 1H68

 ESG: บริษัทมีการดำเนินการด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้า Net zero emissions (Scope 1 และ 2) ภายในปี 2050 มีการบริหารจัดการขยะด้วยเป้าหมาย Zero waste to landfill และขยายโครงการพัฒนา ชุมชน เช่น การติดตั้ง Solar panels และระบบสื่อสารในพื้นที่ห่างไกล

    1. KBANK ราคาพื้นฐาน 00 บาท

เป็นธนาคารที่มีสัดส่วนสินเชื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) สูง ส่งผลให้คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล นอกจากนี้ ธนาคารมีสัดส่วนเงินฝากออมทรัพย์และกระแสรายวันสูง ซึ่งจะทำให้ต้นทุนเงินฝากลดลง หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งคาดเป็นธนาคารที่จ่ายปันผลสูงที่สุดในปีนี้ ถึง 12.75 บาท/หุ้น

          ESG: เป็นธนาคารที่มีเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการให้สินเชื่อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับการรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้า และการให้ความรู้ทางการเงิน

          สำหรับ Thai ESGX เป็นกองทุนที่ต้องลงทุนในทรัพย์สินที่ออกโดยผู้ออกหรือกิจการในไทยที่มีคุณสมบัติ ด้านความยั่งยืนตามหลักเกณฑ์เดียวกันกับกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (กองทุน Thai ESG) โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยจะต้องลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน (ESG) ใน SET หรือ mai โดยเฉลี่ยรอบ ปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV

          ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้เปิดเผยรายชื่อ 242 หุ้น สำหรับกองทุน Thai ESG และ Thai ESGX ซึ่งประกอบด้วยรายชื่อหุ้นยั่งยืน (SET ESG Ratings) 228 บริษัท และหุ้นไทยที่มีการเปิดเผยข้อมูลเรือนกระจก (GHG) 14 บริษัท ดังนี้

รายงานโดย : พชรธร ภูมิคำ รองบรรณาธิการข่าว Hoonvision

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

GCAP GOLD แนะเก็บทองที่ 50,500-50,000 บ. เกาะติดตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ

GCAP GOLD แนะเก็บทองที่ 50,500-50,000 บ. เกาะติดตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ

SET เดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 3.4%-Fund Flow ไหลเข้า 6 หมื่นลบ.

SET เดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 3.4%-Fund Flow ไหลเข้า 6 หมื่นลบ.

SCB คาดค่าเงินบาทวันนี้ กรอบ 33.25-33.55 บ./ดอลลาร์

SCB คาดค่าเงินบาทวันนี้ กรอบ 33.25-33.55 บ./ดอลลาร์

KSS คาด SET Sideways Up ชี้ 3 หุ้นเด็ด - เช็กเลย!

KSS คาด SET Sideways Up ชี้ 3 หุ้นเด็ด - เช็กเลย!

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด